- บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์เปิดสาขาแรกปอยเปตเจาะกำลังซือผู้บริโภคชาวกัมพูชา
- พร้อมตังเป้าหมายยอดขายวันละ1ล้านบาท และเติบโตช่วง 3 ปีแรกเฉลี่ย 5 – 6% ต่อปี
- คาดช่วยสร้างงานในตลาดเพิ่มขึนกว่า 1,200 ต้าแหน่งตามแผนขยายธุรกิจในช่วง 5 ปี
- แจงแผนงานปี63 ทุ่มงบลงทุนขยายสาขา 8,000 ล้านบาทหวังผลักดันธุรกิจค้าปลีกโตต่อเนื่อง
- ส่วนการลงทุนในภูมิภาคปีหน้า 1,500 ล้านบาทในธุรกิจในลาวและเวียดนาม
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เปิดเผยว่า บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ในฐานะห้างคนไทย หัวใจคือลูกค้า บริษัทมั่นใจในศักยภาพการบริหารที่จะนาทั้งสินค้าและบริการที่ดีเยี่ยม ของบริษัทโดยรักษาและดูแลมาตรฐานเป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นอีกจุดแข็งของบริษัทมานาเสนอให้แก่ลูกค้า ที่กัมพูชา เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าและบริการของลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงสร้างความประทับใจในการเข้าใช้บริการมากยิ่งขึ้น
บริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของธุรกิจในกัมพูชาอย่างมาก หลังจากการขยายตัวทาง เศรษฐกิจ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ากว่า 7% ต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตอย่าง ต่อเนื่อง ส่งผลให้กาลังซื้อผู้บริโภคท้องถิ่นขยายตัวตาม บริษัทจึงตัดสินใจเปิดบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขา ปอยเปต ณ ตาบลปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย เป็นสาขาแรกในประเทศกัมพูชา เพื่อขยายโอกาสการ เติบโตทางธุรกิจค้าปลีกในต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตสาขาดังกล่าวในช่วง 3 ปีแรกของ การดาเนินงาน เฉลี่ยอยู่ท่ี 5 – 6% ต่อปี หรือประมาณการณ์ยอดขายไว้ที่วันละ 1 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปอยเปตถือเป็นกรณีศึกษา สาหรับบิ๊กซี ที่จะเริ่มวางแผนขยายสาขาในต่างประเทศ เนื่องจาก มีชายแดนติดอาเภออรัญประเทศ ซึ่งเรามีบิ๊กซี สาขาอรัญประเทศ คอยเป็นพี่เลี้ยงให้อยู่ อย่างไรก็ดี การค้า ชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ พื้นที่ระหว่างอาเภออรัญประเทศ – ปอยเปต ซึ่งเป็นด่านชายแดนถาวรเป็นอีก โอกาสหนึ่งที่บิ๊กซี มองว่าทั้ง 2 ประเทศมีการค้าไปมาหาสู่กันอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ จานวนประชากรใน ปอยเปตและจังหวัดบันเตียเมียนเจย เป็นตัวชี้วัดความหนาแน่นของประชากร ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าโดยตรง ของบิ๊กซี ได้เป็นอย่างดี
สาหรับการขยายสาขาดังกล่าวยังอยู่ภายใต้แผนการนำรูปแบบซูเปอร์เซ็นเตอร์ขนาดใหญ่รุกตลาด ค้าปลีกในภูมิภาคอาเซียน ที่มีเป้าหมายหลักในเบื้องต้น คือ กัมพูชา ลาว และมาเลเซีย ซึ่งการขยายสาขาธุรกิจค้าปลีก หรือธุรกิจปลายน้ำอย่างต่อเนื่องนี้ ถือเป็นอีกจิ๊กซอว์ที่ช่วยผลักดันธุรกิจต้นน้ำและธุรกิจกลางน้ำที่อยู่ภายใต้ ลุ่มบีเจซี ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บิ๊กซี สาขาปอยเปต ใช้งบลงทุนราว 300 ล้านบาท บนเนื้อที่เกือบ 20 ไร้ โดยสาขานี้เป็น รูปแบบบิ๊กซี ไฮเปอร์มาเก็ต มาตรฐาน พื้นที่ขนาดอาคารรวม 8,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น พื้นที่ขาย 3,000 ตารางเมตร และอีก 5,000 ตารางเมตร จัดสรรเป็นพื้นที่ให้เช่าและโรงภาพยนตร์ จำนวน 2 โรง โดยปัจจุบัน มีผู้เช่าเต็มพื้นที่ขายแล้วจากผู้ประกอบการชาวไทยและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่มาร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ สร้างความหลากหลายด้านสินค้าและบริการ
นอกจากนี้ ยังมีโซนต่างๆที่น่าสนใจ อาทิ โซนโรงภาพยนตร์ ที่ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรทาง ธุรกิจ คือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ผู้ดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์ชั้นนำของไทย เข้ามาร่วมเปิดให้บริการ รวมถึงโซน Playland ที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ โซนพลาซ่าหรือร้านค้าเช่า และโซน Food Court ที่จาหน่าย ทั้งอาหารไทยและอาหารท้องถิ่น เป็นต้น โดยเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00 – 22:00 น. ทั้งนี้ คาดว่าตามแผนงานขยายสาขาของบิ๊กซี ที่กัมพูชา ในช่วงระยะเวลา 5 ปีจากนี้ จะทาให้เกิด การจ้างงาน สร้างอาชีพให้กับชาวกัมพูชาเพิ่มขึ้น กว่า 1,200 ตาแหน่ง
ขณะที่แผนการดาเนินงานของบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ในปี2563 บริษัทวางแผนจะขยายสาขา โดยใช้งบลงทุนใกล้เคียงกับปีก่อน ราว 8,000 ล้านบาท มุ่งเน้นขยายสาขาขนาดกลาง – เล็กมากขึ้น แบ่งเป็น บิ๊กซี มาร์เก็ต 2 สาขา และมินิ บิ๊กซี 300 สาขา ส่วนรูปแบบสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ต จะขยายเพิ่มอีก 3 – 4 สาขา รวมถึงมีแผนจะขยายสาขาในต่างประเทศเพิ่ม อีก 1 สาขา ตั้งเป้าหมายภาพรวมธุรกิจเติบโต อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2563 คาดว่าจะมีปัจจัยบวกต่างๆ เข้ามาช่วยหนุนให้ธุรกิจเติบโตมากขึ้น
สาหรับสาขาบิ๊กซีที่เปิดเพิ่มในปี2562 แบ่งเป็น ไฮเปอร์มาร์เก็ต 4 สาขา บิ๊กซี มาร์เก็ต (บิ๊กซี ฟู้ดเพลส) 1 สาขา มินิ บิ๊กซี 300 สาขา และร้านขายยา เพรียว 5 สาขา ส่งผลให้ ณ สิ้นปี2562 จะมีจานวนรวมทั้งสิ้น 1,379 สาขา แบ่งเป็น ไฮเปอร์มาร์เก็ต 153 สาขา บิ๊กซี มาร์เก็ต 63 สาขา มินิ บิ๊กซี ทะลุ 1,000 สาขา และร้านขายยาเพรียว 145 สาขา ทั้งนี้ บิ๊กซี สาขาปอยเปต ถือเป็นสาขาแรกใน ต่างประเทศที่อยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มบีเจซี (ไม่นับรวม Mega Market ในเวียดนาม)
ด้านนายแกรี่ ฮาร์ดี้ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายต่างประเทศ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบิ๊กซีจะลงทุนในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีอย่างต่ำจำนวน 1,500 ล้านบาท เริ่มจากประเทศเวียดนาม โดยจะเปิดศูนย์ค้าส่ง MM (Mega Market) เพิ่มอีก 3 สาขา จากปัจจุบันเปิดใ้ห้บริการแล้ว 18 สาขาและในวันที่ 25 ธ.ค.จะเปิดสาขาใหม่ที่เมืองฮานอย รวมทั้งจะเปิดศูนย์การค้าสำหรับธุรกิจอาหารและโรงแรมในเมืองฮาลองและและดานังซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว ขณะที่ร้านสะดวกซื้อ B’s Mart ซึ่งมีจำนวน 107 สาขาในเมืองโฮจิมินท์มีแผนขยายออกไหปอย่างต่ำอีก 10 สาขา
สำหรับในประเทศลาวปัจจุบันบิ๊กซีเป็นผู้นำ โดยมีมินิบิ๊กซีในเวียงจันทน์ 44 สาขา ใน้าปีหน้ามีแผนเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ต 1 แห่ง และ มินิ บิ๊กซีอีก 20 สาขา ส่วนประเทศกัมพูชา ได้เปิดให้บริการไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เมืองปอยเปตเป็นสาขาแรก และอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในเมืองอื่นๆ เช่นพนมเปญ และเสียมเรียบ
“ประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี มีศักยภาพมีมีโอกาสเติบโตในอนาคตมาก ทางบิ๊กซีจะให้ความสำคัญในการลงทุนนอกเหนือจากประเทศไทย รวมทั้งประเทศพม่าขณะนี้เริ่มเข้าไปเปิดสำนักงานแล้วเพื่อศึกษาการลงทุนในอนาคต”
