“บิวกิ้น”เล่าเหตุการณ์ถูกสะกดรอยตาม เผยทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง รุกล้ำความเป็นส่วนตัว

จากกรณีนักแสดงและนักร้องชื่อดัง บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากถูกบุคคลซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใครขับรถติดตาม รุกล้ำความเป็นส่วนตัว และทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย

ล่าสุดวันนี้ (12 กุมภาพันธ์) บิวกิ้นได้ออกมาเปิดใจเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า รู้ตัวว่าถูกขับรถตามครั้งแรกในวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ จากนั้นก็ถูกตามอีกวันจันทร์ที่ 7 และวันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

“เริ่มจากวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมออกจากบ้านจะไปหาเพื่อนแถวพระราม 4 จากบ้านผมพอขับออกมาก็จะขึ้นทางด่วนได้เลย พอขึ้นปุ๊บก็เริ่มรู้สึกเหมือนมีคนขับตาม แต่ไม่ได้มั่นใจ ปกติผมขับรถก็จะสังเกตรถรอบๆ เวลารถขับมาเร็ว เราก็จะหลบออก แต่คันนี้พอเราหลบ เขาก็ไม่ยอมแซง เขาขับตามแต่ก็ยังไม่มั่นใจ เพราะเช้าๆ รถค่อนข้างติด ผมก็ขับชิดซ้าย เขาก็ตาม ขับชิดขวา เขาก็ยังตามมาอีก ตามมาตั้งแต่ด่วนหน้าบ้านถึงพระราม 4 คือขับต่อเราไม่ให้ใครแทรกเลย”

บิวกิ้น เล่าต่อว่า เมื่อมาถึงหน้าจามจุรีสแควร์ก็ตัดสินใจหยุดรถ พร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน

“เขามาจอดต่อท้ายผมแป๊บนึง แล้วก็ขับเบี่ยงออก เลี้ยวเข้าไปในจามจุรีสแควร์ ผมเลยไหลรถออกมาช้าๆ แล้วพยายามดูว่ามีใครตามหรือเปล่า แล้วเขาก็วนออกมาจากจามจุรีสแควร์ พอดีกับจังหวะไฟเขียวกำลังจะหมด ผมก็รีบพุ่งข้ามแยกไป เขาติดไฟแดง เลยคลาดกันตรงนั้น”

ต่อมาวันจันทร์ที่ 7 หลังเสร็จงานและทานข้าวที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ราว 4 ทุ่มเศษ ตอนกลับบ้านก็รู้สึกเหมือนโดนตามอีก

“เห็นว่าเป็นรถสีเดิม รุ่นเดิม ก็เริ่มตงิดๆ ระหว่างทางก็พยายามเช็คว่าเขาขับตามเราจริงหรือเปล่า ขับชิดขวาสุด แล้วก็ลองขับเร็ว ลองชิดซ้าย ขับช้า 40-60 เขาก็ยังตาม ไม่ยอมแซง ก็เริ่มรู้สึกว่าต้องเป็นคันเดียวกับวันนั้นแน่เลย”

ด้วยเหตุนี้พอใกล้จะถึงบ้านจึงตัดสินใจจอดรถ คิดว่าจะลงไปคุย แต่รถคันดังกล่าวก็ขับออกไป

“ล่าสุดคือวันที่ไปงานรอบสื่อหนัง พอขับออกมาจากห้างก็รู้สึกว่าโดนตามอีกแล้ว รถสีเดิม รุ่นเดิม ลักษณะแบบเดิม เลยรู้สึกว่าใช่แน่ ก็ลองพยายามขับเช็ค สมมุติต้องเลี้ยวซ้าย ผมก็ขับไปเลนขวา แล้วก็มาเลี้ยวใกล้ๆ หรือจะขึ้นสะพาน ผมก็จะไปเข้าใกล้ๆ แต่เขาก็จะตามเราทุกจังหวะ”

เจออย่างนั้นจึงตัดสินใจโทรหาพ่อ

“ป๊าถามว่าอยากลงไปคุยไหม ผมก็บอกว่าได้นะ ป๊าเลยบอกว่าเดี๋ยวป๊าออกไปด้วยไม่อยากให้คุยคนเดียว”

“แถวบ้านผมจะมีอุโมงค์ที่กลับรถไปฝั่งตรงข้าม เป็นถนนเลนเดียว ผมขับเข้าไปแล้วไปจอด จะลงไปคุย ลงไปคุณพ่อ บอกว่าขอโทษนะครับ ลดกระจกลงมาคุยกันหน่อยได้ไหม ไม่ได้ไปเคาะกระจกอะไร ซึ่งเขาก็ตกใจพยายามขับรถแทรกหนี พอดีมีรถข้างหลังตามมา เขาก็ขับพุ่งหายไป” บิวกิ้นเล่า พร้อมกับว่าแม้จะไม่เห็นหน้าคนขับ เนื่องจากกระจกรถติดฟิล์มสีทึบมาก แต่ก็พอมองเห็นว่าภายในรถด้านหน้ามีผู้หญิง 2 คน ไว้ผมยาวสีทอง ใส่หมวกแก๊บ ใส่แมส ส่วนข้างหลังไม่ทราบว่ามีอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนได้ทะเบียนรถ และได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว

บิวกิ้นยังบอกด้วยว่าหากเจ้าหน้าที่ติดตามตัวเจอคงต้องสอบถามถึงเหตุผล

“เขามาด้วยเจตนาอะไร ถ้ามาตามเฉยๆ ก็จะคุย ปรับความเข้าใจกันได้ ถ้าเขาประสงค์ไม่ดี มาแอบถ่ายเรา แอบถ่ายครอบครัวเรา ก็อาจจะมีวิธีจัดการอีกแบบหนึ่ง”

“การที่เราต้องการจะตามตัวให้เจอ เพื่อที่จะสร้างมาตรฐาน ไม่ใช่ว่าทำแล้วก็หายไป ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร แล้วมาทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องครับ”

“เป็นการรุกล้ำสิทธิความเป็นส่วนตัวเนอะ การขับรถตามกัน หรือการสะกดรอย ซึ่งเราไม่รู้ว่าในระหว่างที่ขับตามจะมีการถ่ายวิดีโอไหม ถ่ายรูปไหม หรือว่าถ่ายเข้ามาในบ้านเราหรือเปล่า ผมว่ารอบแรกเขาถ่ายเราออกจากบ้านด้วย ก็เลยรู้สึกกังวล เพราะที่บ้านมีอาม่า อากง และญาติๆ อยู่กันเยอะ”

บิวกิ้นยังบอกด้วยว่าหลังจากนี้จะทำการติดกล้องวงจรปิดที่บ้านให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อจะได้เห็นทั้งบริเวณภายนอกและภายในของบ้าน