“บางจาก” พร้อมปรับกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจปี 63 ที่มีแววสุดผันผวน

  • ประกาศเดินหน้าโครงการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
  • ล่าสุดร่วมสมาชิกบัตรบางจากฯร่วมบริจาค 15 องค์กรการกุศล
  • ย้ำปีที่แล้วแม้รายได้หด แต่ส่วนบางตลาดน้ำมันยังเติบโต

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2563 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะยังคงชะลอการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากสงครามการค้า และการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้บริษัทก็พร้อมที่จะปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้ทันต่อสภาวะการณ์ของโลก และยังคงให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมมาพัฒนาธุรกิจสีเขียวอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งพัฒนาบุคลากรอันเป็นกำลังสำคัญในขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

ทั้งนี้ล่าสุด “สมาชิกบางจาก” ร่วมมอบเงินบริจาคที่ได้รับจากคะแนนสะสมของบัตรบางจากฯปี 2562  ร่วมกับยอดสมทบของบางจากฯ เป็นเงิน 3.5 ล้านบาท ให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม รวม 15 แห่ง อาทิเช่น มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.)  มูลนิธิรามาธิบดี  สภากาชาดไทย  มูลนิธิคุ้มครองเด็ก มูลนิธิธรรมรักษ์ (ผู้ป่วยโรคเอดส์ วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี) มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ เป็นต้น โดยสมาชิกฯสามารถเลือกบริจาคได้ผ่าน feature “ตะกร้าบุญ” บน Mobile Application ของบางจากฯ และ www.bcpgreenmiles.com 

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับด้านผลดำเนินงานปี 2562 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 190,489 ล้านบาท ลดลง 1% จากปีก่อนหน้า เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันดิบที่ตกลงกว่า 10% มีกำไรก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 8,709 ล้านบาท มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 1,732 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.18 บาท โดยตลอดปี 2562 บริษัทยังคงได้รับผลกระทบธุรกิจน้ำมันโลกที่อยู่ในช่วงขาลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้ผลประกอบการของทั้งอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันรวมถึงของบริษัทปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามธุรกิจในกลุ่มการตลาดและผลิตภัณฑ์ชีวภาพมีการเติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้ามีการขยายการลงทุนผ่านโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศลาว

นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 2,279 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องในด้านปริมาณการจำหน่าย และส่วนแบ่งการตลาด จากปริมาณการจำหน่ายรวม 6,218 ล้านลิตร โดยยอดขายน้ำมันใสในประเทศเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดที่เติบโต 2% โดยหลักๆ มาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในตลาดค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีส่วนแบ่งการตลาดนั้น 16%  โดยสิ้นปี 2562 มีจำนวนสถานีบริการน้ำมันกว่า 1,200 สาขาทั่วประเทศ ร้านสะดวกซื้อ SPAR 46 สาขา และร้านกาแฟอินทนิล 600 สาขา