“บัญชีม้า” กับมิจฉาชีพหลอกเงินประชาชน

ยิ่ง “ภาวะเศรษฐกิจซบเซา” ผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำลงมากเท่าใด เหล่า “มิจฉาชีพ” ที่พยายามหลอกลวงหาผลประโยชน์หรือฉกเอาเงินจากระเป๋าเงินของคุณไปก็มีมากขึ้นเท่านั้น

และท่ามกลาง “วิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด-19” ที่ต่อเนื่องมาเข้าสู่ปีที่ 3 เชื่อว่า คุณหรือคนใกล้ตัว อย่างน้อยหนึ่งคนจะต้องเคยเจอกับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาเพื่อพยายามหลอกลวงด้วยเรื่องต่างๆ นาๆ ทั้งติดหนี้ บัญชีพัวพันกับยาเสพติดได้รับเงินรางวัลจากต่างประเทศ  เอาเงินออกมาจากล็อตเตอรี่ไม่ได้ ได้เงินคืนภาษี มีพัสดุค้างจ่าย ฯลฯ สารพัดสารพัน และส่วนใหญ่จะใช้ขอให้คุณโอนเงินไปให้ก่อนเป็นค่าใช้จ่าย ค่าธรรรมเนียม ค่าบริการ หรือค่าอะไรที่คิดขึ้นมาได้

โดยมิจฉาชีพพวกนี้ จะส่งชื่อ และเบอร์บัญชีมาให้โดยไม่เกรงกลัวว่าจะถูกจับได้ เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะบัญชีเหล่านั้นไม่ใช้บัญชีของตัวเองจริงๆ แต่เป็นบัญชีของคนอื่นที่มิจาฉาชีพเหล่านั้น สามารถเข้าถึงและถอนเงินออกมาได้

ซึ่งบัญชีเงินฝากเหล่านี้ ถูกเรียรวมกันว่า บัญชีม้า” และที่ผ่านมาถือเป็นตัวกลางสำคัญที่มิจฉาชีพใช้ในการรับเงินจากประชาชนผู้เสียหาย เพื่อหลบเลี่ยงการสืบสวนหรือปกปิดตัวตนไม่ให้สาวถึงตัวผู้กระทำความผิดที่อยู่เบื้องหลัง

บัญชีม้า คืออะไร ทำไมมิจฉาชีพเหล่านี้ถือมีบัญชีม้าเหล่านี้ และคนที่เป็นเจ้าของบัญชีม้า คือใคร มีความผิดไปด้วยหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบมาฝากจากฝ่ายกฎหมายและฝ่ายรักษาความปลอดภัย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)มาฝากกัน

บัญชีม้า” คือ บัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลอื่น ซึ่งถูกคนร้ายนำมาใช้เป็นช่องทางในการรับเงินและถ่ายโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด เพื่อป้องกันไม่ให้มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงมาถึงตัวได้ 

ซึ่งวิธีที่คนร้ายจะมีบัญชีม้า สามารถทำได้หลายวิธี เช่น จากการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อนำไปใช้เปิดบัญชีในชื่อของคนนั้น ๆ หรือจ้างให้บุคคลอื่นเปิดบัญชี หรือรับซื้อบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลทั่วไปเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด 

โดยที่ผ่านมาในสังคมออนไลน์มีการขายบัญชีเงินฝากธนาคารอย่างเปิดเผย ในราคาตั้งแต่ราคา 800 บาท จนถึง20,000 บาท โดยบัญชีม้าเหล่านี้จะถูกรวบรวมเป็นแพ็กเกจพร้อมกับสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและซิมการ์ดโทรศัพท์ที่เจ้าของบัญชีเปิดใช้งานด้วย เพื่อให้คนร้ายที่ซื้อบัญชีม้าไปแล้วสามารถนำข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของบัญชีไปผูกกับ mobile banking เพื่อใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ได้ทันที

ทำให้ “บัญชีม้า” ถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดต่าง ๆ มากมาย  ตั้งแต่ ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ฉ้อโกง ยาเสพติด  โดยในอดีตพบว่ากลุ่มที่มีการนำบัญชีม้าไปใช้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด กลุ่มวงการพนัน รวมทั้งกลุ่มนอมินีที่ใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินแทนผู้รับประโยชน์ที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลัง 

ขณะที่ในปัจจุบันพบว่า บัญชีม้าถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการหลอกลวงฉ้อโกง เช่น ใช้เป็นบัญชีรับเงินค่าประกันการกู้ยืมเงินที่มิจฉาชีพหลอกว่า ผู้กู้จะได้รับเงินที่กู้เมื่อจ่ายเงินประกันการกู้ยืมเงินมาก่อน ซึ่งพบมากในการหลอกลวงให้กู้ยืมเงินผ่านแอปพลิเคชันเงินกู้ต่าง ๆ และผ่านช่องทางแอปพลิเคชันไลน์ 

รวมทั้งการหลอกลวงของแก๊งคอลเซนเตอร์ที่โทรศัพท์มาหลอกลวงโดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและทำการโอนเงินไปยังบัญชีม้าของคนร้าย ซึ่งการหลอกลวงผ่านแก๊งคอลเซนเตอร์ที่พบส่วนใหญ่มีฐานในการกระทำความผิดมาจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งทำให้ยากในการติดตามจับคนร้ายมาดำเนินคดี

และที่ยากมากขึ้นอีก ก็เพราะคนร้ายส่วนใหญ่จะไม่มีบัญชีม้าแค่บัญชีเดียว แต่มักจะมีบัญชีม้าหลาย  บัญชี เพื่อโอนส่งเงินต่อกันไปเป็นทอด  หลายๆ ทอดกว่าจะมาถึงบัญชีของมิจาฉาชีพตัวจริง เพื่อป้องกันการถูกตำรวจตรวจสอบหรืออายัดเงินในบัญชีม้า 

เช่น เมื่อผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีม้าตัวที่ 1 แล้ว คนร้ายก็จะโอนเงินออกจากบัญชีดังกล่าวต่อไปยังบัญชีม้าตัวที่ 2 จากบัญชีม้าที่ 2 โอนต่อไปยังบัญชีม้าตัวที่ 3 และตัวที่ 4 ซึ่งบางรายมีจำนวนบัญชีม้าถึง 5 บัญชี ท้ายที่สุดคนร้ายก็จะถอนเงินของเหยื่อหรือผู้เสียหายออกไป 

แต่อย่าคิดเชียวว่า การโอนเงินจากบัญชีม้าหลายทอดเช่นนี้จะใช้เวลานาน เพรากระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น และหากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดบัญชีม้าบัญชีใด ก็จะเปลี่ยนไปใช้บัญชีม้าอื่น ๆ ที่ยังสามารถใช้งานแทนได้

นอกจากนั้น สิ่งที่ยากมากขึ้นไปอีกก็เพราะในทางกฎหมาย ปัจจุบันยังไม่ได้กำหนดให้การเปิดบัญชีธนาคารที่นำไปใช้เป็นบัญชีม้าเป็นความผิดโดยเฉพาะ 

แต่ในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้เปิดบัญชีม้าในความผิดฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดอื่น ดังนั้น เมื่อมิจฉาชีพใช้บัญชีม้าในการกระทำผิดฐานฉ้อโกง เจ้าของบัญชีเงินฝากที่เป็นผู้เปิดบัญชีม้าอาจต้องถูกดำเนินคดีฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนการทำความผิดฐานฉ้อโกงด้วย หรือ หากเป็นการฟอกเงิน ก็จะผิดฐานฟอกเงินด้วยเช่นกัน 

ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ผ่านมายังได้ร่วมมือกับ “สถาบันการเงิน” ซึ่งได้พยายามดำเนินการตรวจจับรายการเดินบัญชีของบัญชีเงินฝากที่มีความผิดปกติในลักษณะต่าง ๆ และเมื่อพบความผิดปกติก็จะรายงานข้อมูลที่ผิดปกติไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขยายผล  

นอกจากนั้น ธปท. สมาคมธนาคารไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังกำชับให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในขั้นตอนการตรวจสอบพิสูจน์ตัวตนของลูกค้าที่มาขอเปิดบัญชีเงินฝากให้มีความถูกต้องครบถ้วนและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง และให้คอยตรวจสอบดูพฤติการณ์การเปิดบัญชีเงินฝากที่อาจเข้าข่ายเปิดบัญชีม้า เช่น กลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาเปิดบัญชีเงินฝากพร้อมกันจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินเพื่อร่วมกันเฝ้าระวัง กรณีมีสถาบันการเงินแห่งใดตรวจสอบพบข้อมูลบัญชีที่มีความผิดปกติและได้รับการยืนยันว่าเป็นบัญชีม้า ยังมีข้อจำกัดทางกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นอกจากนั้น ในทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ จะมีขั้นตอนในการขอข้อมูลบัญชีเงินฝากจากสถาบันการเงินซึ่งมีระยะเวลาในการดำเนินการ ทำให้ที่ผ่านมายังไม่สามารถระงับยับยั้งการถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากธนาคารได้อย่างทันท่วงที และต้องใช้เวลานานในการติดตามเงินคืนให้กับผู้เสียหาย

และที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ ในภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน อาจทำให้ประชาชนบางส่วนเต็มใจขายบัญชีเงินฝากเพื่อให้คนร้ายนำไปใช้เป็นบัญชีม้า เพื่อหารายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว โดยยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะถูกดำเนินคดี หรือบางส่วนก็ไม่ทราบว่าการเปิดบัญชีเงินฝากให้ผู้อื่นนำไปใช้เป็นบัญชีม้าอาจต้องรับผิดฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนในการกระทำผิดด้วย

และเท่าที่เห็นมาแนวโน้มปัญหาบัญชีม้าในอนาคตอาจจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น โดยในปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพก็เริ่มเปลี่ยนรูปแบบไปการเปิดกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet) รวมทั้ง คนร้ายอาจใช้บัญชี cryptocurrency wallet ซึ่งไม่ได้เปิดใช้บริการผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (digital asset exchange) ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย

ทำให้ที่ผ่านมา ธปท. สถาบันการเงิน และหน่วยงานต่าง ๆ จึงได้พยายามเผยแพร่ความรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับทราบความผิดและบทกำหนดโทษของการรับจ้างเปิดบัญชีม้า เพื่อป้องกันมิให้ผู้เปิดบัญชีเงินฝากตกเป็นเหยื่อหรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดของคนร้ายไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม 

ขณะที่การดูแลประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือผู้เสียหาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดให้บริการรับแจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 มี..65 ที่ผ่านมา แจ้งความได้ที่ www.thaipoliceonline.com หรือwww.pct.police.go.th หรือโทร. 08 1866 3000 หรือสายด่วน 1441 

ขณะเดียวกันยังได้ร่วมกับสถาบันการเงินต่าง ๆ สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ในการกำหนดกระบวนการอายัดบัญชีม้าให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และมีการประสานงานระหว่างกันที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนและอายัดบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ (social media) หรือสินทรัพย์ดิจิทัลได้ จึงอยู่ระหว่างการเสนอให้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเอาผิดบุคคลที่ซื้อขายบัญชีม้าต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้มีส่วนสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาบัญชีม้า คือ ประชาชนที่ต้องตระหนักถึงผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น โดยไม่รับจ้างเปิดบัญชี หรือขายบัญชีตน หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตนเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด 

ขณะเดียวกัน ต้องรับฟังข่าวสาร เรียนรู้ ศึกษาข้อมูลและเฉลียวใจให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เรากลายเป็น “เหยื่อ” ถูกหลอกลวงเสียเอง เพราะจากขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า เมื่อเราโอนเงินให้เขาไปแล้วไม่ว่าด้วยสาเหตุใดโอกาสที่จะได้คืนมานั้นยากยิ่ง