“นิรุฒ”ผู้ว่ารถไฟลั่น!ไม่รื้อ -ทุบ”หัวลำโพง”ยังคงให้บริการปกติ -ยอมรับหากยังเดินรถไฟเข้าหัวลำโพง ส่งผลกระทบต่อการสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดงแน่นอน!

“นิรุฒ”ผู้ว่ารถไฟ ยืนยันคงให้ขบวนรถทั้งเชิงพาณิชย์และเชิงสังคมเข้าหัวลำโพงทุกขบวน หลังจากนี้จะเดินหน้าอย่างไรต่อจะต้องทำเช็คลิสต์และแอคชั่นแพลนให้แล้วเสร็จก่อน ภายในเดือนมกรา65 พร้อมยืนยันว่า​ หัวลำโพงไม่มีการรื้อ -ทุบ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทุน หรือ “เจ้าสัว” อย่างแน่นอน พร้อมยอมรับหากยังคงเดินรถเข้าหัวลำโพง ส่งผลกระทบต่อการสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดงเข้าหัวลำโพงแน่นอน!

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รฟท. ยืนยันว่าจะยังเปิดให้บริการเดินรถไฟทุกขบวนเข้ามายังสถานีรถไฟหัวลำโพง ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้สั่งการในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ให้รถไฟยังคงวิ่งเข้าหัวลำโพงทุกขบวนเป็นปกติไปก่อน จากที่ก่อนหน้านี้ รฟท. ได้มีการประกาศว่า ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ จะปรับลดการเดินรถเข้าหัวลำโพงเเหลือเพียง 22 ขบวนเท่านั้น สำหรับสาเหตุที่ให้คงการเดินรถไฟทุกขบวนเพื่อให้ประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 65 ได้รับความสะดวกสบาย ขณะเดียวกันในช่วงที่เดินรถปกติทาง รฟท. จะเดินหน้าเพื่อทำการเช็คลิสต์ใน 4 ด้านเพื่อเตรียมความในแนวทางการเปลี่ยนถ่ายจากสถานีหัวลำโพงไปยังสถานีกลางบางซื่อ ให้แล้วเสร็จภายใน30วัน หรือภายในเดือน ม.ค.65นี้

รวมถึงให้ รฟท. สำนักงานนโยบายและแนการขนส่งและจราจร(สนข.) และกรมการขนส่งทางราง(ขร.) และนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆร่วมกันจัดทำแผนปฎิบัติการ หรือ แอคชั่นแพลน ให้มีความชัดเจน คำนึงประโยชน์ และฟังเสียงประชาชน รวมถึง เปิดช่องทาง การรับรู้ ให้กว้างขวาง โดยจะใช้เวลาจัดทำ “แอคชั่น แพลน” นานแค่ไหน จะขอดูรายละเอียด ข้อมูลการเช็คลิสท์ อีกครั้ง

สำหรับประเด็นที่ รฟท.ต้องเช็คลิสต์ใน 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1  ประเด็นเรื่องการปรับเปลี่ยนรถไฟทางไกล ไปใช้สถานีกลางบางซื่อ ว่ามีผลกระทบ แก่ผู้ใช้บริการ และแก้ปัญหาอย่างไร  2.ประเด็นที่เกี่ยวกับรถที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ ที่ควรมาใช้สถานีกลางบางซื่อ  เพราะในอนาคต จะเป็นจุดเชื่อมต่อ ไปยังโครงการสำคัญอื่น เช่น โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ,ไฮสปีด ไทย-จีน  รถไฟชานเมืองสายสีแดง  3 .ประเด็นรถเชิงสังคมจำนวน 40 ขบวน ว่าควรเหลือ กี่ขบวน และต้องมีการปรับเวลาเดินรถ มีระบบอื่นมาแทนอย่างไร หากหยุดเดินรถเหล่านี้ไป   และ 4.ต้องทีการเร่งประชาสัมพันธ์ ให้เกิดความเข้าใจ เพราะขณะนี้วิธีประชาสัมพันธ์ุ มีประเด็นที่ความซับซ้อนมากขึ้น  หลายมิติ  จะต้องสร้างความรับรู้ให้ทั่วถึง

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าแผนการปรับลดขบวนรถวิ่งเข้าหัวลำโพงลง เป็นแผนที่ รฟท. เตรียมและดำเนินการมานานแล้วเพื่อเตรียมพร้อมกับการเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อ และรถไฟชานเมืองสายสีแดง เหตุการณ์นี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่มีตั้งแต่โครงการสายสีแดง ผ่านการพิจารณา ครม . ในปี 49 ซึ่งขณะนั้นต้องการให้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางคมนาคมระบบราง จึงจำเป็นต้องมีการปรับให้ขบวนรถทางไกลมาสิ้นสุดที่บางซื่อแทน นอกจากนั้นทาง รฟท. ยังมีข้อกังวลว่าเมื่อมีการเปิดสถานีกลางบางซื่อ เป็นศูนย์กลางการเดินรถ

ขณะเดียวกันยังคงเปิดให้บริการเดินรถที่สถานีรถไฟหัวลำโพงด้วย การบริหารต้นทุนในการบริหารจัดการพร้อมกันถึงสองแห่งก็จะทำให้ต้นทุนบริหารจัดการสถานีของ รฟท.สูงอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากในปัจจุบันนี้ รฟท.มีต้นทุนการบริหารจัดการที่สถานีกลางบางซื่อเดือนละ 40 ล้านบาท ขณะที่สถานีหัวลำโพงมีต้นทุนบริหารอีกเดือนละ 10 ล้านบาท ดังนั้นการตัดสินใจของ รฟท.จึงต้องดำเนินการให้มีความรอบคอบที่สุด

นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า ส่วนความชัดเจนในการพัฒนาสถานีหัวลำโพงนั้นยืนยันว่าจะยังคงมีการพัฒนา และไม่มีการทุบ หรือ รื้อ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทุนหรือ “เจ้าสัว” ตามที่กระแสข่าวออกมาอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ยืนยันว่าไม่มีมูลความจริงและการพูดในลักษณะดังกล่าวทำให้ รฟท.เสียหาย ส่วนจะมีการดำเนินคดีฟ้องร้องกับผู้ที่ยังไม่หยุดใส่ร้ายเรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้น จะพิจารณาในข้อกฏหมายต่อไป

ซึ่งการพัฒนาจะมี 2 ส่วนคือ พัฒนาด้านในอาคาร และ ด้านนอกอาคาร ซึ่งการพัฒนายืนยันว่าจะไม่มีการทำลายบ้านเก่าของตัวเองที่เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ แต่จะพัฒนาให้หัวลำโพงมีคุณค่าของสถาปัตยกรรมสูงสุด อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการพัฒนาทาง รฟท. ไม่ได้มุ่งเน้นที่จัะพัฒนาที่ สถานีหัวลำโพงที่เดียว จะมีการพัฒนาในหลายๆพื้นที่ ที่มีศักยภาพ ทั้งสถานีแม่น้ำ สถานีบางซื่อ แปลง a และแปลง d รวมถึงพื้นที่บริเวณมักกะสัน ด้วย

นายนิรุฒ ยังได้กล่าวต่อถึงประเด็นผลกระทบต่อการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย รถไฟสายสีแดงอ่อน (Missing Link) ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง หาก รฟท. ยังเดินหน้าให้บริการรถไฟเข้าหัวลำโพงทุกขบวนว่า ยอมรับว่าได้รับผลกระทบแต่ รฟท. จะบริหารจัดการให้อยู่ตามแผนงาน เบื้องต้นรูปแบบการดำเนินการจะเป็น การร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ PPP โดยรฟท. จะเสนอให้บอร์ด รฟท. พิจารณาก่อสนเสนอไปยัง กระทรวงคมนาคม และ ครม.ต่อไป ซึ่งตามแผนจะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 65 และสามารถเริ่มหาผู้จ้างมาดำเนินการในปี 66 ส่วนการก่อสร้างคงต้องมีการประเมินพื้นที่ว่าจะปรับหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป