นายกฯ ไขลานแก้ไขปัญหาความยากจน ให้เกิดผลตามเป้าหมาย 30 ก.ย.65

  • เกาะติดงานขับเคลื่อนขจัดความยากจน
  • พุ่งเป้า 5 ด้าน “สุขภาพ-ความเป็นอยู่-การศึกษา-รายได้ -เข้าถึงบริการภาครัฐ”
  • ให้เกิดผลตามเป้าหมาย 30 ก.ย. 65

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญและติดตามการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล โดยล่าสุดในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยได้รายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนการขจัดความยากจนที่ดำเนินการโดยศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้รายงานความก้าวหน้า ของ ศพจ. ในระดับพื้นที่จากข้อมูลในระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform – TPMAP) ซึ่งผลการดำเนินงาน การวิเคราะห์สภาพปัญหา และกำหนดแนวทางแก้ไข (ข้อมูล ณ 30 เมษายน 2565) โดยเจ้าหน้าที่ ศพจ. สำรวจครัวเรือนในระบบ Logbook ทั้งหมด พบครัวเรือนที่เข้าข่ายยากจน จำนวน 647,139 ครัวเรือน จากเป้าหมายตั้งต้น 619,111 ครัวเรือน 

ทั้งนี้ตามข้อมูลของศพจ. พบว่า ครัวเรือนที่อยู่ใน “เป้าตั้งต้น” และมีการสำรวจปัญหาความยากจนและปัญหาอื่น ๆ จำนวน 615,128 ครัวเรือน มีตัวเลขครัวเรือนที่ตกหล่น (Exclusion Error) จำนวน 32,011 ครัวเรือน ซึ่ง ศพจ. ได้จำแนกปัญหาของ 615,128 ครัวเรือน พบเป็นปัญหาสุขภาพ 149,143 ครัวเรือน ปัญหาความเป็นอยู่ 145,573 ครัวเรือน ปัญหาการศึกษา 151,649 ครัวเรือน ปัญหารายได้ 319,248 ครัวเรือน และปัญหาการเข้าถึงบริการภาครัฐ 2,268 ครัวเรือน ทั้งนี้ ตามกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน หลังจากทำการวิเคราะห์สภาพปัญหา และกำหนดแนวทางแก้ไข จำแนกประเภทครัวเรือน โครงการ/กิจกรรม และบูรณาการแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ตลอดเดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว ขณะนี้อยู่ในช่วงดำเนินการให้ความช่วยเหลือ (1 พฤษภาคม – 30 กันยายน 2565) โดยหน่วยงานต่าง ๆ ให้ความช่วยเหลือตามโครงการ กิจกรรม ที่ผ่านการประชุม ศจพ.อำเภอ (ขั้นตอนที่ 4) แก้ไขปัญหาทุกครัวเรือนให้เสร็จสิ้นในระดับอำเภอ ภายใน 30 กันยายน 2565 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่รัฐบาลขีดเส้นเพื่อแก้ปัญหาคนจนให้หมดไป โดยทีมพี่เลี้ยงจะร่วมติดตามการให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด (Intensive Care) และบันทึกผลการให้ความช่วยเหลือในระบบ Logbook ซึ่งจะมีการติดตามการดำเนินงาน และ ศจพ. จะรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน

นายธนกร กล่าวต่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับพี่น้องประชาชน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าแต่ละครัวเรือน ทั้งนี้ ความยากจนคือความเดือดร้อนทุกเรื่องที่พี่น้องประชาชนประสบปัญหาอยู่โดยที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง โดยการแก้ไขปัญหาแบบพุ่งเป้า 5 ด้าน ได้แก่ สุขภาพ ความเป็นอยู่ การศึกษา รายได้ และการเข้าถึงบริการภาครัฐ รวมถึงปัญหาความเดือดร้อนอื่น ๆ เป็นอำนาจหน้าที่ของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ไม่ได้แก้โดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงหน่วยเดียว เพราะในปัญหานั้น ๆ จะมีหลายมิติ จึงจำเป็นต้องบูรณาการร่วมกันทุกส่วนราชการเพื่อแก้ไขปัญหาแบบพุ่งเป้าเดียวกันให้แล้วเสร็จในระดับอำเภอภายในวันที่ 30 กันยายน 2565 โดยในการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนในระดับพื้นที่ 

“นายกรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวงมหาดไทยนำข้อมูลจากระบบ TPMAP มาบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสภาพปัญหา พุ่งเป้าร่วมแก้ปัญหากับครัวเรือนเป้าหมาย ตามหลัก 4ท ทัศนคติ ทักษะ ทรัพยากร และทางออก ให้ประชาชนรู้จักการพึ่งพาตนเอง ลดรายจ่าย เพื่อให้ใช้ชีวิตอย่างอยู่รอด พอเพียง อย่างยั่งยืน โดยให้ประมวลผลรายงานความก้าวหน้าโครงการ จำแนกแนวทางการแก้ปัญหา เข้าไปแก้ปัญหาให้ตรงจุด ทันเวลา เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และเกิดการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน นำไปสู่การแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติได้อย่างแท้จริง”