นายกอังกฤษแถลงปลดล็อกดาวน์ขั้นสุดท้าย 19 ก.ค. ให้พลเมืองออกมาใช้ชีวิตปกติ พร้อมขู่โควิดอาจจะกลับมาพุ่งสูงถึงวันละ 5 หมื่นราย

‘บอริส จอห์นสัน’ นายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษ  แถลงยกเลิกมาตรการภาคบังคับเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิดที่ยังคงเหลืออยู่ ข้อจำกัดการเล่นคอนเสิร์ต, การชมการแข่งขันกีฬาด้วยความจุดเต็มสนาม โรงละคร, การสวมใส่หน้ากาก, การเว้นระยะห่างทางสังคม, คิวอาร์โค้ดรวมทั้งการคุมผับบาร์เป็นต้นจะไม่ใช่ข้อกำหนดทางกฏหมายอีกต่อไปนับ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฏาคม 2564 

แม้จะผ่อนคลายกฎเกณฑ์แต่ ‘จอห์นสัน’ ยอมรับว่าการระบาดใหญ่ยัง “ยังห่างไกล” และเสริมว่า “มันจะไม่จบภายในวันที่ 19 แน่นอน”

เขาได้คาดการณ์อย่างน่ากลัวด้วยการเตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาจเพิ่มสูงถึง 50,000 รายต่อวันภายในวันที่ 19 กรกฎาคม พร้อมกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “เราต้องปรองดองกัน เป็นเรื่องเศร้า ที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิดมากขึ้น”

ขณะที่ทางการจะต้องจับตาดูที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากผู้ป่วยโควิด-19 พุ่งสูงกว่า 20,000 รายต่อวัน

การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่อังกฤษได้รายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 27,334 รายและผู้เสียชีวิตอีก 9 รายในช่วง 24 ชั่วโมงล่าสุด จำนวนผู้เสียชีวิตภายใน 28 วันหลังจากตรวจเชื้อป็นบวกขณะนี้อยู่ที่ 128,231 คน

ช่วงที่ผ่านมาตัวเลขการเสียชีวิตยังคงค่อนข้างคงที่เป็นเวลาหลายสัปดาห์ เนื่องจากชาวอังกฤษซึ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและมีความเสี่ยงสูงเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันพวกเขาจากโควิด

แต่ ‘เฮเลน วอทลี’ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตัวเลขจะพุ่งสูงขึ้นในรอบหลายเดือนหลังจาก ‘วันแห่งอิสรภาพ’

เธอปฏิเสธที่จะรับประกันว่าการสิ้นสุดการปลดล็อดาวน์จะเป็นเรื่อง “ถาวร” ดังที่นายกรัฐมนตรีกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นั่นบ่งชี้ว่าข้อจำกัดบางอย่างอาจกลับมาได้อีกครั้งหากจำเป็นในฤดูหนาวนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปียกชื้นช่วยให้ไวรัสแพร่กระจายได้

ที่มา www.mirror.co.uk