นายกรัฐมนตรีปลื้ม!…IMF ชื่นชมไทยในฐานะเจ้าภาพ APEC 2022 กำหนดหัวข้อการประชุมที่ชัดเจน ดึงดูดความร่วมมือได้จากทุกเขตเศรษฐกิจ

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่นาง Kristalina Georgieva กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ได้กล่าวชื่นชมไทยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ผ่านมา ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC 2022 โดยมีศักยภาพดึงดูดความร่วมมือทุกเขตเศรษฐกิจ และชื่นชมไทยที่ได้กำหนดหัวข้อของการประชุมที่มีความชัดเจนประเด็นเรื่องการ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์. เชื่อมโยงกัน. สู่สมดุล : Open. Connect. Balance.”

โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า กรรมการจัดการกองทุน IMF ยังได้กล่าวถึงข้อเสนอแนะเพื่อรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์ความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นว่า โลกเปลี่ยนแปลงไปมากจากการต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ซึ่งการระบาดของโควิด-19 สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแบบถาวร (Permanent output loss) กว่า 5.3 % ของGDP โลก เขตเศรษฐกิจเอเปคส่วนใหญ่กำลังชะลอตัว และอย่างน้อย 1 ใน 3 ของโลกกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ในขณะที่ประเทศและภูมิภาคหลักอย่าง สหรัฐฯ, จีน และยุโรป ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของการเติบโตโลกก็กำลังชะลอตัวลงพร้อม ๆ กัน ซึ่งนั่นกำลังส่งผลกระทบต่อการส่งออกของตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ดี ภูมิภาคอาเซียนยังถือว่ามีข้อได้เปรียบ และเป็นจุดโดดเด่น (Bright spot) ที่จะได้รับประโยชน์จากเงื่อนไขของการปรับปรุงการค้า 

ทั้งนี้ กรรมการจัดการกองทุน IMF เห็นว่า เอเปค ได้รับประโยชน์อย่างมากจากการรวมกลุ่มของ 21 เขตเศรษฐกิจคิดเป็น 60 % ของ GDP โลก โดยภูมิภาคเอเชียมีห่วงโซ่คุณค่าระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่งที่สุด ในขณะที่คู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของละตินอเมริกาอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก อีกทั้ง 2 ใน 3 ของการนำเข้าของสหรัฐฯ มาจากเอเปค และในช่วง30 ปีที่ผ่านมา การรวมตัวนี้ทำให้ผู้คนกว่า 1.5 พันล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน และอีกหลายร้อยล้านคนเข้าสู่ชนชั้นกลาง 

โดย IMF ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ทุกประเทศต้องร่วมมือกันหาแนวทางที่เหมาะสมสำหรับทุกฝ่าย นโยบายการเงินและการคลังต้องเดินไปด้วยกัน สร้างความยืดหยุ่นเพื่อรอรับแรงกระแทกในอนาคต ทั้งกับผู้คนที่สามารถฟื้นตัวได้เศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น และโลกที่สามารถส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อไปได้ โดยหากทุกคนร่วมมือกันเราจะแข็งแกร่งขึ้น 

นอกจากนี้ กรรมการจัดการกองทุน IMF ได้กล่าวชื่นชมไทยในฐานะเจ้าภาพ จัดการประชุมโดยมีศักยภาพดึงดูดความร่วมมือทุกเขตเศรษฐกิจ และกำหนดหัวข้อของการประชุมที่มีความชัดเจนของไทย “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์. เชื่อมโยงกัน. สู่สมดุล : Open. Connect. Balance.” โดยมองว่า ‘เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์.’ ผ่อนปรนข้อจำกัดทางการค้า และขจัดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี ‘เชื่อมโยงกัน.’ ส่งเสริมและสนับสนุนข้อตกลงระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่งและทำงานเพื่อทำให้ WTO แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งดิจิทัลถือเป็นโอกาสที่ดีในการกำหนดโลกที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้นและช่วยพัฒนาชีวิตผู้คน และ ‘สู่สมดุล.’ การเติบโตต้องมีความครอบคลุมมากขึ้น เพื่อปกป้องกลุ่มที่เปราะบาง และปกป้องความเท่าเทียมกันทางเพศ การเติบโตจะต้องมีความยั่งยืนมากขึ้น และสามารถรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้

“นายกฯ พร้อมเดินหน้าเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่น ครอบคลุม และยั่งยืนให้กับประเทศ ยืนยันไทยให้ความสำคัญกับการค้าระหว่างประเทศ พร้อมที่จะสนับสนุนข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ เชื่อมั่นไทยเดินหน้านโยบายในทิศทางที่ถูกต้อง และพร้อมหารือและรับฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสม เดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนประเทศเพื่อคนรุ่นต่อไป” นายอนุชากล่าว