นักวิ่ง ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนแข่ง

  • กรมอนามัย แนะเตรียมพร้อมร่างกายก่อนวิ่ง
  • ย้ำผู้จัดงานยึดปฏิบัติตามแนวทาง
  • มาตรฐานการจัดงานวิ่ง

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วงนี้ผู้จัดงานวิ่งมาราธอนได้เริ่มกลับมาจัดงานอีกครั้ง ซึ่งการวิ่งมาราธอนเป็นหนึ่งในรูปแบบการมีกิจกรรมทางกาย หากร่างกายไม่พร้อมจะส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิตและหายใจ รวมทั้งระบบกล้ามเนื้อ โดยจะมีอาการหน้ามืด หายใจไม่ออกแน่นหน้าอก เจ็บกล้ามเนื้อ รวมถึงหมดสติและหัวใจหยุดเต้นได้นักวิ่งจึงควรปฏิบัติดังนี้ 1) เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนแข่ง ผ่านการฝึกซ้อมอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ร่างกายมีการปรับตัวให้พร้อมกับกิจกรรมทางกายที่มีระยะเวลานาน 2) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7 – 9 ชั่วโมงทุกวัน 3) เลือกกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ควรเน้นกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ขนมปัง กล้วย ไม่ดื่มแอลฮอล์ และดื่มน้ำให้เพียงพอ 4) การวิ่งแต่ละครั้ง นักวิ่งควรมีการอบอุ่นร่างกายเพื่อให้เลือดสูบฉีดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และก่อนหยุดออกกำลังกายให้ชะลอความเร็วโดยการคลายอุ่น (cool down) ด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกครั้ง เพื่อลดอาการปวดเมื่อยและบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและ 5) ขณะวิ่ง ให้สังเกตร่างกายตนเองว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น ความเหนื่อย ความอ่อนล้าหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น หากไม่มั่นใจให้รีบขอความช่วยเหลือยังจุดปฐมพยาบาลทันที

ทั้งนี้ สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (International Association of Athletics Federations: IAFF)  ได้จัดทำมาตรฐานการจัดกิจกรรมวิ่งประเภทถนน โดยเน้นที่การออกแบบการแข่งขัน ทั้งการวางเส้นทาง ความปลอดภัย จัดให้มีน้ำดื่มและอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกกับผู้เข้าร่วมการแข่งขัน สำหรับการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนนั้นจะต้องมีหน่วยแพทย์ รถพยาบาล ประจำตลอดการแข่งขัน รวมถึงจุดพยาบาลตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะช่วงกลางและปลายของการวิ่ง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงว่าอาจมีผู้บาดเจ็บเมื่อมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทีมแพทย์ฉุกเฉินจะสามารถเข้าไปช่วยเหลือและปฐมพยาบาลได้อย่างทันท่วงที เช่น การปั๊มหัวใจด้วยวิธีซีพีอาร์ (CPR) เป็นต้น โดยกำหนดให้มีหน่วยแพทย์ในการแข่งเพื่อให้ได้มาตรฐานการจัดกิจกรรม นอกจากนี้ ขอให้ผู้จัดงานและนักวิ่ง เข้มงวดในการป้องกันตนเองจากโควิด-19 ด้วยหลัก UP (Universal Prevention) อย่างต่อเนื่องด้วย