นักลงทุนเก็งผลประกอบการกลุ่มไฮเทคไม่สวย ดาวโจนส์ปิดลบเล็กน้อย 32จุด

  • นักลงทุนซื้อหุ้นตามผลประกอบการที่ออกมาดี
  • เทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังมองบริษัทกล่มนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สูง
  • ตลาดจับตาเปิดเมืองได้หรือไม่ หลังผู้ติดเชื้อสหรัฐฯทะลุล้านคน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 28เม.ย.ที่ 24,101.55 จุด พลิกกลับมาร่วง 32.23 จุด หรือ -0.13% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,863.39 จุด ลดลง 15.09 จุด หรือ -0.52% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 8,607.73 จุด ลดลง 122.43 จุด หรือ -1.40%

นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เพราะไม่แน่ใจผลประกอบการที่จะประกาศออกมา ว่าจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างไน โดยหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 3.01% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.45% หุ้นอเมซอนดอทคอม ดิ่งลง 2.6% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.44% หุ้นอินเทล ลดลง 1.2% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 1.6% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ลดลง 1.7%

บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งในกลุ่มนี้จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยอัลฟาเบทมีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการในวันอังคาร ขณะที่เฟซบุ๊ก และไมโครซอฟท์ จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพุธ ส่วนแอปเปิล และอเมซอนดอทคอม จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดี

ในช่วงแรกของตลาด ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก แต่เริ่มลดลงหลังจากมีความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยนักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาสถานการณ์การคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเปิดเศรษฐกิจในสหรัฐว่าจะมีความคืบหน้าเพียงใด หลังจากข้อมูลล่าสุดระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุระดับ 1 ล้านรายแล้วในขณะนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในโลก

นอกจากนั้น นักลงทุนยังกลับมาซื้อหุ้นที่ผลประกอบกานออกมาดี และได้รับอานิสงส์จากโควิด-19 โดยหุ้น 3M พุ่งขึ้น 2.66% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 2.16 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.03 ดอลลาร์/หุ้น จากความต้องการหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก อัน

หุ้นเป๊ปซี่โค ปรับตัวขึ้น 1.38% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรพุ่งขึ้น 10% ในไตรมาส 1 สู่ระดับ 1.07 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.03 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคแห่ซื้อเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว เนื่องจากต้องใช้เวลาอยู่แต่ในบ้านมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ กลับรลดลงลง 6% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1

ขณะที่หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ปรับตัวขึ้น 0.23% แม้บริษัทเปิดเผยตัวเลขยอดขายดิ่งลง 21% ในไตรมาส 1 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ฉุดอุปสงค์ในภาคก่อสร้างและเหมืองแร่

สอดคล้องกับ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 86.9 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 118.8 ในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 87.9