นักลงทุนยังมีแรงซื้อต่อดาวโจนส์ เปิดตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวก

  • เล่นหุ้นตามผลประกอบการไตรมาสสามที่ส่วนใหญ่ดีกว่าคาด
  • จับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน -Brexit
  • คาดเฟดลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุม 29-30 ต.ค.นี้

เมื่อเวลาประมาณ 21.45 น.ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 26,894.12 จุด เพิ่มขึ้น 88.59 จุด หรือ +0.33% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 3,016.18 จุด เพิ่มขึ้น 5.89 จุด หรือ +0.20%ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,216.48 จุดบวกเพิ่มขึ้น 30.68 จุด หรือ+0.37%

นักลงทุนยังคงมีแรงซื้อหุ้นต่อ ตามผลประกอบการบริษัทส่วนใหญ่ที่ออกมาดี โดยหุ้นที่มีนักลงทุนเข้าซื้อมากสุด 5 อันดัยปรับตัวเป็นบวกทุกตัวที่ หุ้นแอปเปิล ไมโครซอฟท์ เจนเนอรัล อิเลคทริค ซิตีิกรุ๊ป และกูเกิล

ขณะที่จับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า

โดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เรียกร้องให้รัฐสภาอังกฤษจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เพื่อผ่าทางตันของกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยนายจอห์นสันยอมรับเป็นครั้งแรกว่า เขาไม่สามารถที่จะทำตามกำหนดเส้นตายเพื่อออกจากสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 31 ต.ค.ได้ นายจอห์นสันระบุในจดหมายถึงนายเจเรมี คอร์บิน ผู้นำฝ่ายค้านว่า เขาจะให้เวลากับรัฐสภามากขึ้นในการอนุมัติข้อตกลง Brexit ของเขา แต่สมาชิกสภาต้องสนับสนุนการจัดเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในเดือนธ.ค.

อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวดีเพราะ สหภาพยุโรป (EU) ได้เห็นพ้องกันในวันนี้ที่จะขยายกำหนดเส้นตายการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จากกำหนดเดิมในวันที่ 31 ต.ค. อย่างไรก็ดี EU ยังไม่ได้ระบุเส้นตาย Brexit ใหม่แก่อังกฤษแต่อย่างใด โดยจะยังคงหารือกันอีครั้งในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และเจ้าหน้าที่ EU จะพบกันอีกที่กรุงบรัสเซลส์ในวันจันทร์หรือวันอังคาร เพื่อดูความคืบหน้าเกี่ยวกับการตัดสินใจจัดการเลือกตั้งใหม่ของอังกฤษ

ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้
โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 93.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนนี้

ด้านผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ออกมาวันนี้ ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ “อินเทล คอร์ป” เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรในสุทธิไตรมาส 3/2562 ที่ระดับ 5.99 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 6.4 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ส่วนรายได้รวมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.919 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 1.916 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ปีที่แล้ว แต่อยู่ในระดับสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นายบ็อบ สแวน ซีอีโอของอินเทลกล่าวว่า ความต้องการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) เพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายของบริษัท และของบุคคลที่ 3 และในขณะนี้ อินเทลคิดว่าตลาดอยู่ในภาวะที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ในไตรมาส 2
ขณะที่ อเมซอนกำไรในไตรมาส 3 ลดลงสู่ระดับ 2.1 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

อย่างไรก็ตาม บริษัทมากกว่า 38% ในดัชนี S&P 500 ที่ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ออกมาแล้ว จำนวน 78% ได้รายงานตัวเลขกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้