นักธุรกิจไทย-ซาอุฯจับคู่เจรจาธุรกิจชื่นมื่น

.หลังฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง

.พาณิชย์ตั้งเป้าดันส่งออกปีนี้ให้ได้ 5.6 หมื่นล้านบาท

.ขณะที่นักธุรกิจไทยเผยซาอุฯร่วมทุนโรงงานไก่-ผลไม้แปรรูปแล้ว

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยระหว่างเป็นประธานเปิดงาน Thai – Saudi Business Matching ระหว่างนักธุรกิจจากซาอุดิอาระเบีย และนักธุรกิจไทยว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ ที่นักธุรกิจของไทย และซาอุฯมีโอกาสพบกัน นับตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี นำคณะเดินทางไปเปิดสัมพันธ์ไมตรีอีกครั้งกับซาอุฯ โดยนับจากนี้ต่อไป ประเทศไทยจะได้สานต่อความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียในรูปแบบต่างๆ ทั้งการค้าการลงทุน และด้านอื่นๆ

ทั้งนี้ ซาอุฯเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย ปี 64 มูลค่าการค้าระหว่างกันอยู่ที่ 234,000 ล้านบาท เป็นไทยส่งออก 51,000 ล้านบาท และไทยขาดดุลการค้า เพราะนำเข้าพลังงานมาก ส่วนช่วง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ปี 65 ไทยส่งออก 25,000 ล้านบาท เพิ่ม 23.3% ตั้งเป้าว่าปีนี้จะส่งออกให้ได้ 56,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปี 64 โดยซาอุฯสามารถใช้ไทยเป็นประตูการค้าไปสู่อาเซียนและเอเชียตะวันออกได้ ขณะเดียวกัน ไทยก็สามารถใช้ซาอุฯเป็นประตูการค้าไปสู่ตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ

“ขอถือโอกาสนี้ เชิญชวนนักธุรกิจซาอุฯที่เดินทางมาเยือนไทยถึง 96 ราย 74 บริษัทว่าไทยพร้อมต้อนรับนักลงทุนและผู้ค้าจากซาอุฯ ทั้งจากภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ และภาครัฐ ถ้ามาลงทุนในไทย จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย อย่างน้อยจากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ไทยทำกับ 18 ประเทศ สำหรับการจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาทางธุรกิจครั้งนี้ หวังว่าจะมีเซ็นสัญญาซื้อขายและการทำเอ็มโอยู ระหว่างกันในมูลค่าไม่น้อย และปลายเดือนส.ค.หรือต้นเดือนก.ย.นี้ ผมจะนำคณะนักธุรกิจจากไทยไปเยือนซาอุฯ รวมทั้งที่เมืองริยาดด้วย”

สำหรับการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจครั้งนี้ มีนักธุรกิจซาอุฯเข้าร่วม 70 บริษัท และเอกชนไทย กว่า 200 บริษัท ประกอบด้วยธุรกิจสาขาต่างๆ เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ, ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง, ท่องเที่ยวและโรงแรม, สิ่งทอ (เสื้อผ้า /แฟชั่น), สุขภาพ, อาหารและเครื่องดื่ม, เกษตรและประมง, เทคโนโลยีและสารสนเทศ, วิจัยและพัฒนา, โลจิสติกส์, เครื่องมืออุตสาหกรรม, อุปกรณ์การเกษตร, ทรัพยากรมนุษย์และการฝึกอบรม เป็นต้น

ด้านนายสนั่น กล่าวว่า งาน Thai – Saudi Business Forum มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 คน เป็นนักธุรกิจจากซาอุฯประมาณ 100 คน และนักธุรกิจไทยราว 200 คน โดยได้มีการลงนามความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน ระหว่างกันรวม 12 ฉบับ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของไทยในการขยายการค้าการลงทุน ระหว่าง 2 ประเทศ

ส่วนนายครารีม อัลอันซี่ กรรมการและหัวหน้าคณะกรรมการด้านการค้า หอการค้ามณฑลริยาด ที่นำคณะนักธุรกิจจากซาอุฯ 80 ราย มาเยือนไทยวันที่ 4-8 ก.ค.65 กล่าวว่า การเยือนไทยครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนการขับเคลื่อนและขยายการค้า การลงทุน ตามนโยบาย Saudi Vision 2030 ของซาอุฯ ที่มุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรม ลดการพึ่งพาน้ำมัน โดยปี 64 การลงทุนในซาอุฯมีมูลค่า 19.29 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 257% และต้องการขยายให้ได้ถึง 135.5 ล้านล้านเหรียญฯในปี 73 จึงเป็นโอกาสให้ทุกประเทศเข้าร่วมลงทุนในซาอุฯ นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ที่มุ่งเชื่อมโยงกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทย เพื่อยกระดับระบบโลจิสติกส์ของ 2 ประเทศ

“การเยือนไทย จะส่งผลต่อการเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันหลายหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะการส่งออกปุ๋ย และอุปกรณ์การเกษตรของซาอุฯมาไทย และนำไปสู่การหารือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อปลดล็อคอุปสรรค และหาแนวทางผ่อนปรนมาตรการด้านการส่งออก-นำเข้าในสินค้าต่างๆ เช่น อาหารทะเลกระป๋อง เป็นต้น”

ขณะที่นายวสุ เซ็นสม นายกสมาคมการค้านักธุรกิจไทยมุสลิม กล่าวว่า สมาคม มีสมาชิก 350 ราย แต่กิจกรรมจับคู่เจรจาทางธุรกิจกับซาอุฯครั้งนี้ นำมาประมาณ 40 ราย โดยขณะนี้ กลุ่มธุรกิจที่ทำธุรกิจร่วมกับซาอุฯอยู่แล้ว เช่น เครื่องสำอาง อาหารฮาลาล ยา และเตรียมจะนำคณะไปเยือนซาอุฯ ในเดือนพ.ย. นี้ โดยซาอุฯมีนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) หรือสตาร์ทอัพ โดยจะให้เงินทุนสนับสนุนรายละ 250,000 เหรียญฯ ปัจจุบันนักธุรกิจซาอุฯสนใจลงทุนทำโรงงงานผลิตไก่ที่จ.นครนายก เพื่อส่งออกไปซาอุฯ และร่วมลงทุนกับเอสเอ็มไทยทำโรงงานแปรรูปผลไม้ที่จ.นราธิวาส