- ชี้พนักงานต้องออกไปล้อมจับปลาแทนการนั่งริมตลิ่ง
- ปลื้ม! ยอดสินเชื่อบ้านช่วงต้นปีพุ่งไม่หยุด
- เหตุธนาคารพาณิชย์ปฏิเสธสินเชื่อลูกค้ามากขึ้น
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยอดปล่อยสินเชื่อบ้าน ในเดือนม.ค.นี้ อยู่ที่ 12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ราว 7,000- 8,000 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นน่าจะมาจากที่ลูกค้าถูกปฏิเสธการปล่อยกู้สินเชื่อบ้านจากธนาคารพาณิชย์มากขึ้น
ทั้งนี้ในปีนี้ธอส.ตั้งเป้าสินเชื่ออยู่ที่ 209,000 ล้านบาท ซึ่งจากแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในช่วงต้นปีของ ธอส.บวกกับมาตรการสนับสนุนของภาครัฐเพื่อให้คนมีบ้าน อาทิ มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ภายใต้กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ปีที่ 1 – ปีที่ 3 คงที่ 2.50% ต่อปี เป็นต้น เชื่อว่า ธอส.จะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย
“พันธกิจของ ธอส.คือการทำให้คนสามารถมีบ้านของตนเอง แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคการส่งออก และปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงก็ตาม แต่ธอส.เชื่อว่าลูกค้าของธนาคารส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้และมีเงินเดือนประจำ รวมทั้งการที่อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ จะเอื้ออำนวยให้คนกู้ซื้อบ้านมากขึ้น “
อย่างไรก็ตามคาดว่าธนาคารแห่งประเทศ(ธปท.) จะประกาศปรับอัตราลดดอกเบี้ยนโยบายไม่เกิน 1 ครั้ง จากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือเพียง 1.00% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำมากแล้ว โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้จะอยู่ในระบบเศรษฐกิจนานพอสมควร ซึ่งเป็นโอกาสดีของลูกค้าที่กู้ซื้อบ้านกับธนาคาร หากมีเงินเหลือจากการใช้จ่ายควรนำมาจ่ายเพื่อลดเงินต้นให้น้อยลง
นอกจากนี้ ธอส.ได้ปรับปรุงกระบวนการพิจารณาสินเชื่อ เพื่อให้ลูกค้ามีความสะดวกมากขึ้น ตามนโยบาย Be simple Make It Simple คือ การทำยังไงให้ลูกค้ามีบ้านได้ง่ายๆ ภายใต้การบริหารความเสี่ยงของธนาคาร อาทิ เดิมหากลูกค้าต้องการยื่นขอกู้ซื้อบ้าน จะต้องมายื่นเอกสารขอกู้กับธนาคาร แล้วเมื่อธนาคารอนุมัติก็นัดมาเซ็นสัญญาเงินกู้อีกครั้ง แต่รูปแบบใหม่นั้น ลูกค้ามาที่ธนาคารในวันยื่นขอกู้เท่านั้น หลังจากนั้น ธอส.จะให้พนักงานของธนาคาร หรือจ้างพนักงานชั่วคราว นำเอกสารไปให้ลูกค้าเซ็นสัญญาถึงที่บ้านหรือที่ทำงาน เป็นต้น
“ปัจจุบันได้สั่งให้พนักงานของ ธอส.เริ่มปรับปรุงการให้บริการ โดยให้คิดเสมอว่า ถ้าตัวเองเป็นลูกค้าจะต้องการอะไรบ้าง จะมานั่งตกปลาริมตลิ่ง รอปลาหรือลูกค้ามาใช้บริการอีกไม่ได้ วันนี้จะต้องวางแผนไปล้อมจับปลาแล้ว เช่น เอกสารที่ขอกู้มีจำนวนมากไปหรือไม่ สามารถลดให้เหลือเพียงไม่กี่ฉบับเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้หรือไม่ เป็นต้น”
