“ธรรมนัส”ไม่หวั่นถูกฝ่ายค้านซักฟอกวันแถลงนโยบาย เดินหน้าทำงาน ช่วยเหลือภัยแล้ง

  • เตรียมใช้ฝนหลวงแก้ปัญหา
  • ยืนยันมี 4 พรรคร่วมแต่ทำงานมีเอกภาพ

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงภาพรวมภัยแล้งว่า พรุ่งนี้ตนและคณะจะตรวจเช็คสถานการณ์ในลำน้ำที่ส่งเข้าเขื่อนลำตะคอง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่ง ส.ส. ในพื้นที่จะเป็นผู้พาไป อย่างไรก็ตามสถานการณ์ภัยแล้งในภาพรวมไม่ว่าจะเป็นภาคอีสานหรือภาคเหนือ ตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดได้ส่งข้อมูลมาให้ตนแล้ว ส่วนการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติจากภัยแล้ง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หลังการลงพื้นที่ตรวจสอบการบริหารจัดการน้ำที่เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือปริมาณน้ำที่เหลือใช้เฉพาะการอุปโภคบริโภค หากฝนไม่ตกลงมา และเราไม่มีวิธีการแก้ไข พี่น้องประชาชนที่อาศัยน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาจะเดือดร้อนภายในสองเดือนนี้ ส่วนภาคการเกษตรหากไม่มีฝนลงมาจะเดือดร้อนแน่นอน เพราะขณะนี้เดือดร้อนอยู่แล้ว จึงต้องเร่งแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรโดยใช้การทำฝนเทียม สำหรับตัวเลขปริมาณน้ำในเขื่อนทั้งหมดมีปริมาณน้ำเหลืออยู่แต่ 1,400 ล้านลูกบาศก์เท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง พร้อมยืนยันว่าแม้รัฐมนตรีในกระทรวงมาจากต่างพรรคการเมืองถึง 4 พรรค แต่การทำงานและการขับเคลื่อนนโยบายจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างแน่นอน

ส่วนกระแสข่าวว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาร่วมงานสัมมนาพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบว่า นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ได้เรียนเชิญ พล.อ.ประวิตร หรือไม่ หากเรียนเชิญ คาดว่าท่านก็คงจะมา ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็ได้สอบถามตนมาเหมือนกันว่าเป็นงานเกี่ยวกับอะไร แต่ยืนยันว่าไม่มีการลงพบปะกันระหว่างลงพื้นที่พรุ่งนี้

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายคุณสมบัติของตน ในการแถลงนโยบายรัฐบาลวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเองได้แถลงข่าวชี้แจงกับสื่อมวลชนไปหมดแล้ว และเชื่อว่าประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้ได้รับความกระจ่างไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความกังวลใจในเรื่องนี้ เพราะประเด็นสำคัญในวันดังกล่าวคือการแถลงนโยบาย ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะปฏิบัติหน้าที่ จึงอยากให้ไปเน้นตรงนั้นมากกว่า ส่วนนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ คงเป็นเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตรและภัยแล้ง เพราะถือเป็นงานหลักและงานหนักของกระทรวง ซึ่งหลังแถลงนโยบายเสร็จ รัฐมนตรีของกระทรวงทั้ง 4 ท่าน ก็จะเดินหน้าทำงานอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นรูปธรรม