ธนารักษ์ เร่งเคลียร์ปัญหาบุกรุกที่ดินให้ประชาชนเช่าอย่างถูกต้อง 1.3 แสนรายในปี 65

  • กฟผ.เตรียมคืนที่ราชพัสดุลดภาระค่าเช่า 6หมื่นล.
  • พิจารณาลดค่าเช่าAOT- โรงแรม-ท่าเรือในก.ย.นี้

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรมได้ยังเร่งจัดการบริหารที่ราชพัสดุที่ประชาชนบุกรุก ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 130,000 ราย ภายในปี 2565 โดยขณะนี้จัดให้ประชาชนมาเป็นผู้เช่าแล้วจำนวน 40,000 ราย เหลืออีก 60,000 รายเท่านั้น

อย่างไรก็ตามในอนาคตที่ราชพัสดุที่นำมาจัดให้ประชาชนได้เช่าทำกินนั้น จะเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากกฎหมายที่ราชพัสดุปี 2562 ที่กำหนดให้รัฐวิสาหกิจที่ครอบครองที่ราชพัสดุจะต้องจ่ายค่าเช่าให้แก่กรม อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ครอบครองที่ราชพัสดุ 600,000 ไร่ หากไม่คืนให้กรม จะทำให้กฟผ.มีค่าเช่าที่ราชพัสดุประมาณ 60,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่กฟผ.จะคืนที่ดินบางส่วนมาให้กรมบริหาร

นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอื่นๆ เช่น กฎหมายฟอกเงิน ที่กำหนดให้ที่ดินที่ได้จากการยึดทรัพย์ต่างๆตกมาเป็นที่ราชพัสดุ ซึ่งที่ดินเหล่านี้ จะค่อยๆทยอยมาอยู่ในความดูแลของกรมฯ ดังนั้น ที่ราชพัสดุในอนาคตจะมีจำนวนมากขึ้น

ดังนั้น กรมฯจึงต้องนำไปบริการจัดการ โดยล่าสุด กรมฯได้มีความร่วมมือกับสถาบันบริหารจัดการที่ดิน(บจธ.)ซึ่งเป็นองค์กรมหาชน เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการบริหารจัดการที่ดินให้เกิดประโยชน์ เมื่อกรมฯได้ที่ราชพัสดุมาแล้ว จะนำไปให้บจธ.บริหารจัดการทำการเช่าและให้ประชาชนเช่าช่วงต่อ เพื่อกระจายที่ราชพัสดุให้ถึงมือประชาชนได้ทำการเกษตรต่อไป

อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีภาคธุรกิจหลายแห่งได้ส่งหนังสือมายังกรมธนารักษ์ เพื่อขอลดค่าเช่ าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชยลง 50% และบางรายขอยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุ โดยปัจจุบันมีผู้ธุรกิจรายใหญ่ส่งหนังสือมาให้กรมแล้วกว่า 10 ราย เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จำกัด ธุรกิจ ท่าเรือ เป็นต้น รวมทั้งธุรกิจโรมแรมทั้งขนาดเล็กและขนาดกลางด้วย อย่างไรก็ตาม กรมธนารักษ์จะเข้าไปพิจารณาในรายละเอียดว่าตามระเบียบสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งจะได้ข้อสรุปในเดือนก.ย.นี้ โดยหากมีการลดค่าเช่าที่ราชพัสดุ จะเริ่มเก็บค่าเช่าได้ในเดือนม.ค.64

“ส่วนการเลื่อนจ่ายค่าเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ที่จะครบกำหนดในเดือนส.ค.นี้ ขณะนี้มีเอกชนหลายราย ส่งหนังสือขอเลื่อนการจัดเก็บค่าเช่าถึงสิ้นปี 2563 แล้ว ซึ่งกรมจะพิจารณาอีกทีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผล กระทบอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะมีการลดค่าเช่าที่ลงตามที่ธุรกิจหลายแห่งขอเข้ามาหรือไม่ กรมได้ให้ธุรกิจต่างๆ กลับไปทำแบบสรุปรายรับรายจ่ายในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ตั้งแต่เดือนก.พ.-ส.ค.63 มาให้กรมพิจารณา

สำหรับแนวทางพิจารณาลดค่าเช่าที่ราชพัสดุ กรมจะพิจารณาร่วมกับผลประกอบการของธุรกิจ ซึ่งถ้าผลประกอบการยังสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ ก็อาจปรับลดค่าเช่าลงแค่ 30-40% แต่ถ้าธุรกิจได้รับผลกระทบมากก็อาจลดให้ถึง 50% ตามที่เสนอเข้ามา ส่วนธุรกิจรายย่อยที่ไม่มีรายได้เข้ามาเลย และขอยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุในปี 63 เหมือนกับการเช่าที่ราชพัสดุเชิงเกษตร และที่อยู่อาศัยนั้น จะต้องยื่นเอกสารรายได้ที่หายไปให้กับกรมเพื่อประกอบการพิจารณา กรมจึงสามารถช่วยเหลือได้แลกกับเงื่อนไขคงการจ้างงานไว้