“ธนารักษ์” เรียก “วงษ์สยามฯ” เซ็นสัญญาบริหารระบบท่อส่งน้ำอีอีซี 3 ส.ค.นี้ เผย “อาคม” กำชับส่งมอบโครงการให้รัดกุม-โปร่งใส

  • เผยชำระค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา เป็นเงินจำนวน 580,000,000 บาท
  • ชี้กรมธนารักษ์ จะเร่งดำเนินการส่งมอบทรัพย์สินของโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน
  • สบายใจได้เรื่องค่าน้ำ มีสัญญาระบุชัดเจนเฉลี่ยตลอด 30 ปี ของอายุสัญญาอยู่ที่ 10.98 บาทต่อคิว 
  • ลั่นอัตราค่าน้ำที่จะมีการจัดเก็บจากครัวเรือน จะมีอัตราต่ำกว่าภาคธุรกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 26 ก.ค.65) นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ ได้ลงนามในหนังสือ เรื่องการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) ไปยัง บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด โดยกรมธนารักษ์ ได้กำหนดให้มีการลงนามในสัญญาโครงการ ในวันที่ 3 ส.ค. 2565 เวลา10.00 น. ณ กรมธนารักษ์

โดยในการลงนามสัญญาบริหาร และ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ต้องชำระเงินตามเงื่อนไขของสัญญาในวันลงนามในสัญญาโครงการดังกล่าว ดังนี้ 1.ชำระค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา เป็นเงินจำนวน 580,000,000 บาท 2.ชำระผลประโยชน์ตอบแทนรายปี  ปีที่ 1 เป็นเงิน 44,644,356 บาท มาชำระให้กรมธนารักษ์ในวันลงนามในสัญญาเช่าโครงการดังกล่าว และ 3.วางหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา เป็นเงินจำนวน 118,479,500 บาท  

“ภายหลังการเซ็นสัญญาดังกล่าวแล้ว ทางกรมธนารักษ์จะเร่งดำเนินการส่งมอบทรัพย์สินของโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน ก่อนที่ตนจะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของอธิบดีกรมธนารักษ์คนต่อไป โดยบริษัทวงษ์สยามก่อสร้างก็ได้เตรียมพร้อมในการรับมอบทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว” นายประภาศ กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่มีความเป็นห่วงเรื่องค่าน้ำที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นหลังเปลี่ยนผู้ดำเนินโครงการนั้น นายประภาศ กล่าวว่า ในสัญญาได้มีการระบุไว้ชัดเจนว่า อัตราค่าน้ำเฉลี่ยตลอด 30 ปี ของอายุสัญญาโครงการจะมีอัตราเฉลี่ยที่ 10.98 บาทต่อคิว โดยอัตราค่าน้ำที่จะมีการจัดเก็บจากครัวเรือนจะมีอัตราต่ำกว่าภาคธุรกิจ 

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ทางกรมธนารักษ์สามารถดำเนินการลงนามสัญญากับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ให้เป็นผู้บริหารโครงการฯ ในฐานะผู้ชนะการประมูลได้เลย หลังก่อนหน้านี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการดำเนินโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หรือ EEC ที่มีนายวิจักษณ์ อภิรักษ์นนท์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ได้ส่งผลตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ตามที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้สั่งการให้ตรวจสอบซ้ำ 

ทั้งนี้ ผลออกมาแล้วว่า การดำเนินการจัดประมูลมีความโปร่งใสและถูกต้องในทุกขั้นตอน โดยนายอาคม ยังได้กำชับให้มีความรอบคอบและรัดกุมในการส่งมอบโครงการ โดยให้มีการตั้งคณะกรรมการเข้าไปดูแลตั้งแต่ในเรื่องของการตรวจสอบทรัพย์สิน จนถึงกระบวนการส่งมอบให้บริษัทวงษ์สยาม รวมทั้งดำเนินการตามที่อัยการฯ ตั้งข้อสังเกตมาทั้ง13 ข้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของความรัดกุมและโปร่งใส ในการส่งมอบโครงการ