ธนารักษ์ปรับแผนโกยรายได้ส่งเข้ารัฐ ลุยเก็บค่าเช่ารัฐวิสาหกิจ 10,000 ล้านบาท

  • ประเดิม กฟผ.รายแรกหลังกฎหมายใหม่บังคับใช้
  • ชง กพศ.เพิ่มสิทธิประโยชน์ เปิดประมูลเขตเศรษฐกิจ 3 จังหวัด
  • เร่งปิดจ็อบโครงการสนามกอล์ฟบางพระ ท่าเรือสงขลา

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในปีนี้กรมฯได้ปรับแผนการหารายได้เพื่อเร่งนำส่งเข้ารัฐให้ถึง 10,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7,400 ล้านบาท โดยจะเร่งการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ การนำที่ราชพัสดุที่ปล่อยว่างออกมาประมูลให้เอกชนนำไปใช้ประโยชน์ การเปิดประมูลให้เช่าพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และการแก้ปัญหาการใช้ที่ดินผิดประเภทให้มีการทำสัญญาเช่าอย่างถูกต้อง เพื่อสร้างรายได้เข้ากรมเพิ่มเติม

ทั้งนี้การเจรจาเก็บค่าเช่าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจตามพ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2562 ขณะนี้มีความคืบหน้าหลายพื้นที่ โดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่จะเริ่มจ่ายค่าเช่าให้กับกรมฯได้ช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นปีหน่วยงานแรกที่มีการจ่ายค่าเช่าให้กับกรมหลังจากกฎหมายเริ่มบังคับใช้ โดยอัตราค่าเช่าหากเป็นที่ดินใช้ในเชิงสาธารณะจะคิดอัตราไม่สูง เช่น พื้นที่อ่างเก็บน้ำ แต่หากใช้ในเชิงพาณิชย์จะคิดเต็มจำนวน ส่วนพื้นที่ที่ กฟผ.ไม่ได้ใช้ประโยชน์จะพิจารณาส่งคืนกลับมายังกรมฯ เพื่อนำกลับไปบริหารต่อไป

“กรมฯ อยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะกรรมการการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) เพื่อขอปรับเงื่อนไขการเปิดประมูลที่ราชพัสดุในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดหนองคาย และมุกดาหาร เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนเข้ามาประมูลมากขึ้น เช่น การเพิ่มเวลาการเช่าจาก 30 ปี เป็น 50 ปี รวมถึงสิทธิประโยชน์การลงทุนอื่นๆ ให้ทัดเทียมกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และสิทธิประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ซึ่งคาดว่าจะได้ผู้เข้ามาลงทุนในปีนี้ รวมถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดตากที่ยังว่างอยู่ก็จะนำกลับมาเปิดประมูลอีกครั้งในปีนี้เช่นกัน”

นายยุทธนา กล่าวต่อว่า กรมยัง ได้เร่งสำรวจนำที่ราชพัสดุแปลงเล็กแปลงน้อยในทำเลที่มีศักยภาพมาเปิดประมูลให้เอกชนเช่าใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น เช่น ปีนี้ได้นำที่ราชพัสดุใกล้สนามบินเชียงราย 1 แปลง ราคาประเมิน 300,000 บาท มาเปิดประมูลได้ค่าเช่าถึง 5 ล้านบาท และยังมีที่ริมแม่น้ำโขงจังหวัดนครพนมอีกประมาณ 9 ไร่ ก็พร้อมจะนำมาประมูลซึ่งน่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท รวมถึงการเร่งรัดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในที่ราชพัสดุที่เหลือ เช่น การเปิดประมูลสนามกอล์ฟบางพระ จังหวัดชลบุรี และเร่งเดินหน้าโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา ซึ่งจะจบภายในปีนี้

นอกจากนี้ จะมีช่องทางการเพิ่มรายได้จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับจากการยึดทรัพย์คดียาเสพติด คดีคอร์รัปชั่น ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตามคำสั่งศาล นำมาเปิดประมูลขายให้เอกชนผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มประมูลได้ภายในปีนี้

“การแก้ปัญหาการใช้ที่ดินผิดประเภท กรมฯได้เร่งเจรจากับหน่วยงานราชการที่นำที่ราชพัสดุไปปล่อยเช่าต่อให้ทำสัญญาจ่ายค่าเช่าในอัตราเชิงพาณิชย์อย่างถูกต้อง หลังที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานที่ยังใช้ผิดประเภท เช่น นำสถานที่ราชการไปปล่อยเช่าทำร้านสะดวกซื้อ หรือไปจัดเช่าทำตลาดนัด ซึ่งประเด็นเหล่านี้จะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อสร้างรายได้เข้ามาอย่างถูกต้อง”