“ธนาคารกลางญี่ปุ่น” ผ่อนคลายนโยบายการเงิน ลั่นรับปากจะซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น

  • พร้อมเพิ่มสินเชื่อให้แก่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
  • “ชินโซ อาเบะ” กล่าวชมบีโอเจตัดสินใจรวดเร็ว
  • นักเศรษฐศาสตร์มองสวนทาง บีโอเจยังไม่กล้าหาญมากนัก
  • มองสามารถผ่อนคลายได้มากกว่านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือบีโอเจ ได้แถลงวันนี้ (16 มี.ค.) หลังเรียกประชุมฉุกเฉินว่า การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะอ่อนตัวต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นผลจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดอยู่ขณะนี้ โดยบีโอเจจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมที่จำเป็น โดยไม่ลังเลและจะจับตาผลกระทบของเชื้อไวรัสไปอีกระยะหนึ่ง 

ทั้งนี้ที่ประชุมตัดสินใจว่าจะซื้อกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หรืออีทีเอฟ (ETFs) เพิ่มขึ้นจากเดิมสองเท่าเป็นปีละ 12 ล้านล้านเยน (ราว 3.61 ล้านล้านบาท) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นหรือเจ-รีท (J-REIT) เพิ่มขึ้นจากเดิมสองเท่าเป็นปีละ 180,000 ล้านเยน (ราว 54,168 ล้านบาท) จนกว่าตลาดจะมีเสถียรภาพ ขณะเดียวกันจะป้องกันไม่ให้ตลาดสินเชื่อหยุดชะงักด้วยการจัดสรรเงิน 2 ล้านล้านเยน (ราว 601,659 ล้านบาท) ซื้อตราสารหนี้เอกชนระยะสั้นและตราสารหนี้ภาคเอกชน เปิดโครงการสินเชื่อใหม่เพื่อขยายสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยระยะ 1 ปี ให้แก่สถาบันการเงินเพื่อส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ 

ด้านนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวชมบีโอเจว่า ตัดสินใจรวดเร็วและเหมาะสม แต่ดูเหมือนนักลงทุนจะไม่ตอบรับ เพราะดัชนีนิกเกอิร่วงลง 2% โดยนักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทหลักทรัพย์มิตซูโฮมองว่า หากเทียบกับธนาคารกลางประเทศอื่นแล้ว บีโอเจยังไม่กล้าหาญมากนัก ทั้งที่ยังสามารถผ่อนคลายได้อีก อาจเพราะต้องการเก็บกระสุนที่มีอยู่จำกัดไว้ใช้ในกรณีเลวร้ายกว่านี้ เช่น ลดดอกเบี้ยติดลบลงอีก หากเงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างกะทันหัน