“ธนกร”เผยทุกฝ่ายขานรับเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้

โฆษกรัฐบาลเผยทุกฝ่ายขานรับเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ นายกฯ สั่งเข้มฝ่ายมั่นคงปราบปรามการกระทำผิดทุกรูปแบบ ธุรกิจยึดหลัก COVID Free Setting สร้างความมั่นใจคนไทยและนักท่องเที่ยว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศเดินหน้าเปิดประเทศแบบปลอดภัย (Smart Entry) เริ่ม 1 พฤศจิกายนนี้ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคัก โดยหอการค้าไทยคาดว่าจะมีเม็ดเงินกว่า 30,000 ล้านบาท หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ สนับสนุนให้ GDP ไทยปีนี้ เติบโต 1-1.5%  ด้วย ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลสร้างแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ Thailand Pass เพื่อขอรับเอกสารรับรองการเดินทางเข้าประเทศแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Thailand Pass QR code) โดยสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ tp.consular.go.th ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนการอนุมัติที่ไม่จำเป็น ทำให้นักท่องเที่ยวนักธุรกิจ ที่จะเดินทางมาเที่ยวหรือประกอบธุรกิจในไทยได้รับความสะดวกมากขึ้น

นายธนกร กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยคณะกรรมการจัดทำแผนรองรับนโยบายเปิดประเทศใน 120 วัน เตรียมแผนรองรับการเปิดประเทศครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่ 1.การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค ตั้งแต่ขั้นตอนลงทะเบียนก่อนเดินทาง ขั้นตอนการตรวจสอบที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และการเดินทางจากท่าอากาศยานจนถึงโรงแรมในลักษณะปิด (Sealed Route) การตรวจหาการติดเชื้อในประเทศ เพื่อมั่นใจว่าผู้เดินทางเข้าประเทศผ่านกระบวนการและไม่มีการติดเชื้อ อีกทั้งมีความปลอดภัยเมื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย

2.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ สำหรับตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในผู้เดินทางเข้าในประเทศอย่างรวดเร็วแม่นยำ และการตรวจสายพันธุ์กลายพันธุ์

3.มาตรการ COVID Free Setting ในสถานประกอบการพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยว ประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID Plus มีใบรับรองและ QR Code ที่ให้ประชาชนสแกนเพื่อตรวจสอบและประเมินร้องเรียนได้ มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมตรวจประเมินทุก 2 สัปดาห์

4.การแพทย์และสาธารณสุข โดยปรับรูปแบบการรักษาพยาบาลที่สอดคล้องกับสถานการณ์ ให้สถานพยาบาลประเมินตนเอง พร้อมเข้าสู่การแพทย์วิถีใหม่ ป้องกันการติดเชื้อในสถานพยาบาล

5.เวชภัณฑ์และการส่งกำลังบำรุง ขณะนี้มียาฟาวิพิราเวียร์ 26.2 ล้านเม็ด ยาเรมเดซิเวียร์ 74,284 ขวด และเวชภัณฑ์ต่างๆ ภาพรวมคงคลังประมาณ 3-6 เดือน และจัดหายาและเวชภัณฑ์เพิ่มเติมต่อเนื่อง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังกำชับให้หน่วยความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ลาดตระเวร เฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนแบบเข้มงวดสูงสุด เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ รวมทั้งจับกุมแรงงานข้ามชาติที่เดินทางเข้ามาอย่างผิดกฎหมายด้วย ขณะเดียวกันก็เร่งกระจายและฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายตามเกณท์ทุกจังหวัดเพื่อให้ภูมิคุ้มกันหมู่ภายในพื้นที่

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีย้ำมาตลอดว่า การเปิดประเทศในช่วงเวลานี้ ต้องคำนึงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ต้องทรงตัว ขีดความสามารถและความพร้อมของระบบสาธารณสุขไทย ทั้งการป้องกัน ควบคุมและรักษา และนำร่องในพื้นที่จังหวัดที่มีความพร้อมก่อน  ซึ่งภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านค้า ให้ความร่วมมือดำเนินธุรกิจแบบปลอดภัยตามมาตรการของรัฐบาล เช่น มาตรการ SHA+ และ COVID Free Setting การตรวจ ATK มาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากเชิญชวนประชาชนคนไทยช่วยสนับสนุนและส่งกำลังใจในการทำงานของรัฐบาลในเวลานี้ ด้วยการดำเนินชีวิต วิถีใหม่ ยึดหลักอนามัยส่วนบุคคลแบบครอบจักรวาลอย่างเคร่งครัด เพื่อนำประเทศไปสู่การเปิดประเทศแบบปลอดภัย

นายธนกร ยังกล่าวว่า มีความผิดหวังกรณีส.ส. ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยที่ได้ออกมาให้ข่าวท้าทายให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. นี้แล้ว พบว่าประชาชนติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น ว่า เป็นคำกล่าวที่ไม่สร้างสรรค์ เป็นการท้าทายแบบเด็กเล่นขายของ เพราะเมื่อประกาศนโยบายก็พร้อมที่จะรับทั้งดอกไม้และก้อนหิน และทำทุกอย่างโดยยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ซึ่งที่ผ่านมานายกฯ ก็รับฟังข้อเสนอและคำวิจารณ์ต่างๆ และเดินหน้าทำงานต่อ เพราะหน้าที่ของหัวหน้ารัฐบาล คือ การบริหารประเทศ ที่ต้องพาคนไทยร่วม พลิกโฉมประเทศ ส่งต่อประเทศที่ดีขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป