ทางหลวงเพิ่งสะดุ้ง!ถนนพระราม2สาหัสนึกได้แนะใช้เส้นทางเลี่ยงดีกว่า!

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อหาแนวทางบรรเทา ความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ใช้ถนนพระราม 2เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการที่มีการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 ตอน ทางแยกต่างระดับ บางขุนเทียน – เอกชัย ระหว่าง กม.9+800.000 – กม.21+500.000 ระยะทางประมาณ 11.700 กิโลเมตรว่า ทางหลวงได้ทำการขยายคันทางเดิมจาก 10 ช่องจราจร เป็น 14 ช่องจราจร เป็นการก่อสร้างขยาย ในช่องทางขนานจาก 2 ช่องจราจร เป็น 3 ช่องจราจร และในช่องทางหลัก จาก 3 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร พร้อมยกระดับสูงขึ้นประมาณ 0.40 – 0.70 เมตร และก่อสร้างสะพานกลับรถเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่ กม. 12+000.000 (แสมดา) และ กม. 16+000.000 (ก่อนถึงซอยพันท้ายนรสิงห์)

และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างขยายคันทางในช่องทางขนาน ซึ่งในเส้นทางดังกล่าวมีปริมาณการจราจรหนาแน่นมาก ทำให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางได้รับความเดือดร้อน ซึ่งจากการประชุม ปัจจุบันพบว่าบริเวณที่เป็นปัญหาหลักก่อให้เกิดการจราจรติดขัดจำนวน 3 จุด คือ1) บริเวณ กม. 13+500 ขาเข้า มีการก่อสร้างในทางขนาน ทำให้เหลือช่องจราจรเพียง 1 ช่อง และเป็นช่วงที่มีรถจากทางขนานวิ่งตัดเข้าสู่เส้นทางหลัก ทำให้เกิดการชะลอตัวของรถบนทางสายหลัก

ดังนั้นกรมทางหลวงจึงได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยการบริหารจัดการจราจรใหม่เพื่อลดการตัดกันของกระแสจราจร นอกจากนี้ในบริเวณดังกล่าว ยังมีจุดจอดรถประจำทางจึงทาเกิดการจราจรชะลอตัว ซึ่งกรมทางหลวงจะประสานงานกับหน่วยงาน,ที่เกี่ยวข้องย้ายตำแหน่งจุดจอดรถประจำทางออกจากบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง พร้อมเร่งรัดจัดทาทางเท้า เพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชน และบรรเทาปัญหาการจราจรดังกล่าว

2) บริเวณซอยพันท้ายนรสิงห์ ฝั่งขาออก ซึ่งในซอยดังกล่าวเป็นแหล่งชุมชน มีสถานประกอบการ โรงงาน และที่พักอาศัยจำนวนมาก ทำให้มีปริมาณรถเข้า – ออกจากซอยสูง โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวจำเป็นต้องมีการก่อสร้างวางท่อระบายน้ำในช่องทางขนาน ทำให้เหลือช่องจราจรเพียง 1 ช่อง ซึ่งกรมทางหลวงได้สั่งการให้เร่งรัดการก่อสร้างบริเวณดังกล่าวพร้อมคืนผิวจราจรให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนสิงหาคม 2562
3) บริเวณฝั่งตรงข้ามซอยวัดพันท้ายนรสิงห์ ฝั่งขาเข้า มีการก่อสร้างในทางขนาน ทำให้เหลือช่องจราจรเพียง 1 ช่อง เป็นเหตุให้มีรถติดสะสม ซึ่งกรมทางหลวงได้สั่งการให้เร่งรัดการก่อสร้างบริเวณดังกล่าวพร้อม ปูผิวจราจรให้แล้วเสร็จครบ 3 ช่องจราจร ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2562นี้

ส่วนกรณีที่ประชาชนเป็นห่วงพื้นที่ก่อสร้างบริเวณเกาะกลางที่มี การถมทรายแล้วไม่มีเครื่องจักรไปเข้าทำงาน กรมทางหลวงขอชี้แจงว่า ในกระบวนการก่อสร้างต้องใช้ระยะเวลารอคอยการทรุดตัวประมาณ 5 เดือน ซึ่งหลังจากระยะเวลาดังกล่าวสิ้นสุดลง กรมทางหลวงจะเร่งรัดให้ผู้รับจ้างเข้าดำเนินการก่อสร้างในระยะต่อไปทันที ในประเด็นเรื่องความหนาของผิวทางที่มีการออกแบบไว้ 13 เซ็นติเมตร แล้วประชาชน เกรงว่าจะเกิดความเสียหายหลังเปิดการใช้งานนั้น กรมทางหลวงได้พิจารณาทบทวน ตามสภาพแวดล้อมและปริมาณการจราจรที่เปลี่ยนแปลงไป และทำการเพิ่มความหนาของผิวลาดยางเป็น 20 เซ็นติเมตรแล้ว

สาหรับประเด็นเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้ทาง ได้สั่งกำชับให้ผู้รับจ้าง และผู้ควบคุมงาน ดำเนินการตรวจสอบการติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยในพื้นที่ก่อสร้างให้ปลอดภัย และเพียงพอกับประชาชนผู้ใช้ทางแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณจราจรที่มีอยู่ในปัจจุบัน และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังลดระยะเวลาการเดินทางของโครงข่ายถนนโดยรอบ ส่งผลให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางได้รับความสะดวก ปลอดภัยในการใช้เส้นทางเพิ่มมากขึ้น

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามกรมทางหลวงขอแนะนำให้ผู้ใช้เส้นทางวางแผนการเดินทาง โดยศึกษาแผนที่ทางเลี่ยงจากเว็บไซด์ของกรมทางหลวงที่ www.doh.go.th หรือ ทาง Facebook กรมทางหลวง นอกจากนี้ กรมทางหลวงจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการเปิด-ปิด ช่องจราจร ระหว่างการก่อสร้าง ในช่องทางดังกล่าวด้วย ผู้ใช้ทางสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 โทรฟรี 24 ชม. ทั้งนี้ กรมทางหลวงขออภัยผู้ใช้ทางที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง และขอความร่วมมือผู้ใช้ทาง ได้ปฏิบัติตามกฎ ป้ายเตือน ป้ายแนะนำ อย่างเคร่งครัด