“ทักษิณ”มาแล้ว!ชวนฝ่าวิกฤตโควิดแลกเปลี่ยนผู้ฟังในคลับเฮ้าส์พร้อมเสนอตัวหาวัคซีนช่วยคนไทย

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. เมื่อเวลา 20.00 น. กลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ได้จัดเปิดคลับเฮ้าส์ เชิญผู้ชมร่วมรับฟังและสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดในการฝ่าฟัน วิกฤตโควิด-19 ระลอก 3 (หรือระลอก ‘เมษายน’) กับ Tony Woodsome หรือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายดวงฤทธิ์ บุนนาค ผู้ประสานงานกลุ่มแคร์ และ ธีรัตถ์ รัตนเสวี พิธีกรข่าว Voice TV ร่วมดำเนินรายการ

โดยทักษิณ ได้เริ่มจากการอธิบายสถานการณ์การระบาดในดูไบว่า ยังมีการตรวจพบราว 2,000-3,000 คน ถือว่าเป็นปกติแต่สิ่งสำคัญคือ เปิดเศรษฐกิจและฉีดวัคซีนให้กับพลเมืองยูเออีไปกว่า 70% และฉีดฟรีให้กับนักท่องเที่ยว อย่างในห้างสรรพสินค้าที่ฉีดให้พนักงานและลูกค้าโดยวัคซีนหลากชนิด

พวกเขาไม่ตื่นตระหนก กิจกรรมเศรษฐกิจปกติ แต่ยังนั่งห่างกัน 3 เมตร เมื่อตรวจพบว่าติดเชื้อ ก็โทรไปและให้อยู่บ้าน แยกตัวออกจากสมาชิกในบ้าน อาหารการกินก็แยกไม่ไปคลุกคลีกับสมาชิก เพื่อนผมถูกสั่งให้อยู่บ้าน และโทรหาผมที่เคยเป็น ผมเลยบอกว่า ไม่ต้องทำอะไร แยกตัวเองแล้วเอาวิตามินซี กินไป 2,000 ยูนิต แล้วต้องพยายามกินอาหารให้ได้ โดยเน้นโปรตีน จนตรวจต่อมาไม่พบเชื้อแล้ว

“บางคนเป็นกลุ่มคนเปราะบาง คือ ผู้สูงวัยมีโรคประจำตัว หากไม่สบายหรือมีอาการ ต้องเข้าโรงพยาบาลดีกว่า เพราะกลุ่มคนนี้โรคจะลงปอดไวกว่า แล้วที่อันตรายสุดคือ ปอด เกิดน้ำท่วมปอด อัตรารับออกซิเจนต่ำ แต่ถ้าเป็นคนปกติ ให้อยู่รักษาตัวในบ้าน” ทักษิณกล่าว

ทักษิณ ยังได้แนะรัฐบาลอีกว่า บ้านเราต้องเลิกใช้กฎหมายนำ แต่ใช้ความรู้นำดีกว่า เพราะการใช้กฎหมายจะทำให้คนไม่ใส่ใจ ตัวผู้ปฏิบัติเองก็เครียด ประชาชนก็เครียด ดังนั้นจึงต้องเร่งให้ความรู้ผู้คน ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจว่าไวรัสนั้นเหมือนกันทุกตัว แค่ว่าตัวนี้เมื่อมันเข้าไปยังเซลล์ของเราแล้วจะกินกล้ามเนื้อ ตอนที่ผมเป็นก็น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อหายหมด

นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การตรวจแอนติบอดี ยังมีข้อจำกัดเรื่องความแม่นยำอยู่ ในวันนี้ PCR test ยังเป็นมาตรฐานหลัก แต่ทราบว่า อังกฤษได้ซื้ออุปกรณ์ DNA Nudge มา จากนั้น ทักษิณได้กล่าวเสริม DNA Nudge ว่า ทางอังกฤษซื้อไป 5.8 ล้านตัวกระจายไปทั่วโรงพยาบาล การตรวจใช้เวลา 90 นาที รู้ผล ถือว่าเทียบเท่า PCR Test ความแม่นยำ 99.9% แต่ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เป็น Lamp PCR ที่อ้างว่าตรวจแม่นยำสูงแต่ใช้เวลาน้อยกว่า ดังนั้นความแม่นยำในตรวจเป็นสำคัญ

โดยทักษิณ ได้อธิบายต่อว่า DNA Nudge ไม่ต้องตรวจแบบเข้าจมูก แต่ทาบปากเอาน้ำลายมาตรวจ เครื่องหนึ่งทำได้ 50 คน และชุดตรวจไม่ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ อย่างบางร้านอาหาร ตรวจพนักงานทั้งหมด สามารถทำได้ทุกวัน ทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจและปลอดภัย

เมื่อถามถึงการสัมภาษณ์ของ บีบีซี เมื่อปีที่แล้ว เกี่ยวกับ DNA Nudge ไม่ทราบว่าตอนนี้พร้อมมาช่วยประเทศไทยหรือไม่ ทักษิณ กล่าวว่า กำลังส่งไปให้ อย.ทดสอบและรับรอง อาทิตย์หน้าบุคลากรและนักวิทยาศาสตร์จะเข้าไทย ตอนนี้กำลังเตรียมการเอาเข้ามาทดสอบก่อน เอาตัวกรองและตลับมาทดสอบเทียบกับ RT-PCR จะทัดเทียมไหม โดย นพ.สุรพงษ์ เป็นคนประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ได้นำเข้ามาใช้ได้ในประเทศไทย และได้มีการประสานกับทางมูลนิธิไทยคมว่าจะสามารถนำมาบริจาคให้คนในประเทศไทยบางส่วนได้หรือไม่ แต่ต้องดูปฏิกิริยาก่อนว่าจะเอายังไง ถ้าคิดว่าทำเนียบกับ สธ.คุยกัน งานจะไปคล่องกว่านี้ แต่ฝ่ายความมั่นคงมาดูนี่ การสาธารณสุขจะไม่มั่นคง

เมื่อถูกถามว่าไทยฉีดวัคซีนช้ามากทั้งที่บอกว่าตามแผน ทักษิณว่า ก็แผนใครกันล่ะ แผนจะเขียนยังไงก็ได้ คือ หากเป็นแผนและนิ่งไว้ ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น สรุปกรณียูเออี วัคซีนมีทุกยี่ห้อแล้วให้ฟรี ทำไมเขาทำได้ ทำไมเราไม่สั่ง เราทำไมต้องจำกัดแค่ 2 ยี่ห้อ ถ้าเรารู้จริงจะเข้าใจว่า แอสตร้าเซเนก้า จะมีผลข้างเคียงมากกว่ายี่ห้ออื่น ส่วนไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา มีปัญหาน้อยสุด ของจีนนั้นซิโนฟาร์ม ค่อนข้างใช้อย่างกว้างขวาง แต่เรากลับเลือกซิโนแวค วันนี้ปัญหาคือวัคซีนคือต้องมีเพื่อกระตุ้นภูมิต้านทานถ้าเกิดผลข้างเคียง ต้องนึกถึงอันตรายว่าใครเหมาะ ระยะยาว ผลข้างเคียงเราไม่รู้ ผมไม่เลือกซิโนฟาร์ม แต่วิธีของซิโนฟาร์มเป็นแบบเดิมที่ใช้กันมานาน เลยเลือกก่อน แล้วดูว่าเพิ่มไว้ได้แค่ไหน แล้วก็กินอาหารเสริม เพิ่มภูมิคุ้มกัน

“ถ้าคิดเสียว่าตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของ 30 บาทรักษาทุกโรคได้หรือไหม ถ้าเขาป่วยเราก็ต้องรักษา รัฐบาลจะเปลี่ยนชื่อโครงการนี้อย่างไรก็ช่างมัน เมื่อรัฐบาลรับกินรับใช้กับการประกันสุขภาพประชาชน ทำไมไม่เอาวัคซีนดีๆ และจำนวนเยอะๆ มาให้ งบประมาณที่กู้มาก็เอามาแจกแล้วไม่ได้ผลทางเศรษฐกิจ บรรเทาไปได้ 2-3 มื้อ ไม่ได้บรรเทาทั้งหมด อยากให้คิดองค์รวมของการแก้ปัญหาด้วย” ทักษิณ กล่าว พร้อมกับได้ย้ำถึงโมเดล เสรีวัคซีน ที่ให้เอกชวนร่วมนำเข้า โดยรัฐเปิดช่องทางสนับสนุน

เมื่อถามถึงการบริหารจัดการของ ศบค. เมื่อย้อนไปกรณี “รัฐบาลทักษิณ” ที่รับมือกับวิฤตต่างๆ ใช้หน่วยงานอะไรในการรับมือ ทักษิณกล่าวว่า รัฐบาลของตนไม่ค่อยตั้งกรรมการอะไรมาก แต่เชิญผู้เชี่ยวชาญมาประชุมหาแนวทางร่วมมือ และให้หน่วยงานไปรับผิดชอบปฏิบัติ กรมควบคุมโรคติดต่อ ก็ดูโรคติดต่อ แต่บางทีเขาไม่รู้ว่า สิ่งใหม่นี้ต้องทำอะไร เราเรียกรวมกันหาความรู้ และทำแนวนี้ นาย ก.เริ่มก่อน นาย ข. แล้วผมเรียกติดตามงาน ก็สามารถดำเนินงานได้

จากนั้น นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการแพทยสภา ถามว่า ถ้าโทนี่ อยากบริจาคหรือเจรจากับบริษัทวัคซีนเพื่อช่วยคนไทย เพื่อไม่อยากให้เกิดภาพแบบอิตาลี ที่ปล่อยผู้ป่วยรอความตายท่ามกลางการรองรับไม่พอ โดยทักษิณตอบว่า

“สำหรับกรณีวัคซีน ผมว่าต้องไปร่วมกับหลายประเทศ นักธุรกิจหลายคนมีขีดความสามารถที่จะไปเจรจากับบริษัทผลิตวัคซีน เช่น จีน สิงคโปร์ รัสเซีย อย่างตะวันออกกลางใช้ซิโนฟาร์มเยอะมาก นักธุรกิจชั้นนำของไทยมีคอนเนกชั่นมากมาย ขอให้แต่ละคนช่วยกันเจรจาสิครับ เช่น เจ้าสัวธนินท์ ขอให้ท่านไปช่วยเจรจากับประเทศจีน เจ้าสัวเจริญ ไปเจรจากับสิงคโปร์ หรือจะให้ผมไปช่วยคุยกับ ปูติน รัสเซียก็ได้ สรุป คือ รัฐบาลเองจะต้องตื่นตัวมากกว่านี้ พอได้มา ก็รีบกระจายวัคซีน ไม่ใช่กระจุกอยู่ที่เดียว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและร้านอาหารต้องฉีดก่อน”

ช่วงหนึ่ง ทักษิณ กล่าวถึงรูปแบบการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ของประยุทธ์ เป็นข้าราชการทหาร อยู่กับระเบียบวินัย การสั่งการแบบบนลงล่าง และใช้งบประมาณเป็นหลัก ไม่ใช่คนเก่งเศรษฐกิจ ไม่ใช่คนหาเงินเป็น ต้องคนเชี่ยวชาญที่พูดแล้วเขาฟัง ถ้าเอาวัฒนธรรมของประยุทธ์มาทำเศรษฐกิจ มันทำไม่ได้ ยิ่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจนี่ แล้วคุณประวิตรแจกขันนี่เข้ากันเลย

เมื่อขอให้พูดถึงประชาชนคนไทยในสถานการณ์นี้ ทักษิณกล่าวว่า วิธีที่ช่วยตัวเองดีที่สุดคือ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง อารมณ์ไม่ขุ่นมัว รับประทานยาที่เพิ่มภูมิคุ้มกัน ไปไหนใส่หน้ากาก พกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ อาจดูประสาทหน่อยแต่ช่างมัน ในครอบครัวนี่ วันนี้ต้องสามัคคีกันเป็นพิเศษ และช่วยเหลือปรึกษาหารือกัน แล้วส่วนเรื่องคนรุ่นใหม่ นี่เป็นโลกดิจิตัล ไปค้นหาตัวเอง อาจจะนอกประเทศก็ได้ ในประเทศตันหมด หวังว่ารัฐบาลจะเปิดเศรษฐกิจเร็วขึ้นกว่านี้ รัฐบาลจะกู้ไปกู้ไป มีแต่พังหมด

เมื่อถามถามถึงจำลองสถานการณ์เลือกตั้งช่วงโควิดจะดำเนินนโยบายอะไร และถ้าได้คุยกับประยุทธ์จะบอกอะไร ทักษิณ กล่าวว่า ประยุทธ์ไม่ฟังตนหรอก และตนไม่ได้คาดหวังอะไร ส่วนเรื่องเลือกตั้ง ต้องสัญญาว่าจะเอาวัคซีนให้เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น มีระบบคัดกรองพร้อม และเปิดประเทศ เดินหน้าเศรษฐกิจทันที ตนจะไม่สัญญาว่าจะแจกเงิน และไม่ชอบรูปแบบการแจกเงิน