สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการในวันอาทิตย์ ให้ถอนกองกำลังสำรองแห่งรัฐ หรือ เนชันแนลการ์ด ออกจากกรุงวอชิงตัน โดยกล่าวว่า สถานการณ์ในกรุงวอชิงตันขณะนี้ “อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์แล้ว”
กองกำลังเนชันแนลการ์ด จำนวน 5,000 คน ถูกส่งไปยังกรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อช่วยในการควบคุมความรุนแรงจากการประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในสหรัฐฯ หลังการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม
แต่ ปธน.ทรัมป์ ระบุทางทวิตเตอร์ในวันอาทิตย์ว่า “กองกำลังสำรองจะเดินทางกลับบ้าน แต่ก็อาจกลับมาใหม่ได้ทันทีหากจำเป็น” และว่า “มีผู้ประท้วงออกมาชุมนุมเมื่อคืนนี้น้อยกว่าที่คาดไว้มาก”
เมื่อวันเสาร์ ประชาชนหลายหมื่นคนเดินขบวนประท้วงอย่างสันติในหลายสิบเมืองทั่วอเมริกา รวมทั้งในกรุงวอชิงตัน โดยแทบไม่มีรายงานการปะทะกันของผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะเดียวกันในช่วงสุดสัปดา์ที่ผ่านมา ในหลายประเทศได้ร่วมร่วมชุมนุมประท้วงการเหยียดสีผิว
ที่ประเทศอังกฤษ ชาวอังกฤษรวมตัวหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงลอนดอน ในวันอาทิตย์ แม้ทางการออกมาเตือนเรื่องการระบาดของโควิด-19 โดยมีหลายคนที่สวมหน้ากากป้องกันโคโรนาไวรัส พร้อมข้อความว่า “การเหยียดผิวคือไวรัสชนิดหนึ่ง” พร้อมถือป้าย “Black Lives Matter” หรือชีวิตผิวสีก็มีค่า
ผู้ประท้วงช่วยกันปลดรูปปั้นของนักค้าทาสที่เมืองบริสตอล และโยนลงในทะเลระหว่างการประท้วงในวันอาทิตย์
สำนักงานตำรวจกรุงลอนดอน รายงานว่า มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 27 คนจากการปะทะกับผู้ประท้วงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้ง 14 คนเมื่อวันเสาร์
ที่ประเทศเยอรมัน ประชาชนกว่า 15,000 คนเดินขบวนอย่างสงบในกรุงเบอร์ลิน สำนักงานตำรวจกรุงเบอร์ลิน รายงานว่า มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 28 นายจากขวดและก้อนหินที่ถูกปามาจากผู้ประท้วง ตำรวจเยอรมันจับกุมผู้ประท้วง 93 คน ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการก่อความรุนแรงระหว่างการประท้วงในกรุงเบอร์ลินเมื่อวันเสาร์
สำหรับฝรั่งเศสมีการเดินขบวนที่เมืองมาร์กเซย์และกรุงปารีสโดยมีผู้เข้าร่วมหลายหมื่นคน การประท้วงส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบแต่มีการปะทะกันกับตำรวจบ้างประปราย
ตำรวจเมืองมาร์กเซย์ใช้แก๊สน้ำตาและสเปรย์พริกไทยสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงที่ตอบโต้ด้วยขวดและก้อนหิน ที่บริเวณ Old Port on the Mediterranean
ผู้ประท้วงในฝรั่งเศสต่างพากันตะโกนเรียกร้องความยุติธรรมให้กับประชาชนผิวสี ที่มักตกเป็นเป้าหมายของตำรวจจากการละเมิดหรือเลือกปฏิบัติต่อประชากรกลุ่มนี้ไม่ต่างจากที่เกิดขึ้นในอเมริกา
ที่ประเทศออสเตรเลีย ที่เมืองบริสเบน เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เมืองของออสเตรเลียที่มีการชุมนุมเกิดขึ้นตำรวจประมาณ 10,000 คนเข้าร่วมการประท้วงอย่างสงบสุขสวมหน้ากากและถือป้าย “Black Lives Matter” หลายคนได้เรียกร้องให้ยุติการทารุณตำรวจของชาวพื้นเมืองออสเตรเลีย
ที่เมืองซิดนีย์ ศาลออสเตรเลียได้การยกเลิกคำสั่งห้ามเนื่องการรวมตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส อนุญาตให้ผู้คนคนหลายพันคนเดินขบวนประท้วง
เช่นเดียวกับในกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ผู้เดินขบวนประท้วง และกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ รวมทั้งในกรุงเทพฯนักเคลื่อนไหวหลีกเลี่ยงข้อการรวมตัวกัน โดยจัดกิจกรรมออนไลน์ และอธิบายว่าทำไมพวกเขาจึงสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ Black Lives Matter