ททท.เร่งโรดโชว์ Q2-3 ปั๊มรายได้เอเชียตะวันออกเที่ยวไทย ชี้เป้าโลว์ซีซันปี’66 เอกชนหันเพิ่มเอเชีย 5 ตลาด แทนยุโรป

  • ททท.เร่งเครื่องไตรมาส 2-3 ปี’66 งัดกลยุทธ์ลุยโรดโชว์เอเชียตะวันออกคึกคัก 5 ประเทศ มี.ค.บุก “ไต้หวัน-ฮ่องกง” ตุนรายได้แล้วกว่า 1,000 ล้านบาท
  • 8 แอร์ไลน์สจัดคิวบินฤดูร้อนเข้าไทย ไต้หวัน 1.5 ล้านที่นั่ง ฮ่องกง 1.2 ล้านที่นั่ง เม.ย.บุกจีนรอบสอง 3 เมืองใหญ่“ปักกิ่ง-ฉงชิ่ง-หนานจิง”
  • พ.ค.เจาะญี่ปุ่น 2 เมือง “โตเกียว-โอซาก้า” พักนาน 10 วัน/คน/ทริป “มิ.ย.” เจาะกรุงโซล นำเมืองดังทั่วเกาหลีซื้อทัวร์ไทย
  • ชี้เป้าโลว์ซีซันเอกชนเพิ่มเอเชียแทนยุโรป 5 ตลาด ไต้หวัน ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น เกาหลี

นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ทำตลาดเอเชียโดยเน้นนำเอกชนไทยเดินทางไปโร้ดโชว์ล่าสุดจำนวน 41 ราย บุก 2 ตลาด คือ ไทเป/ไต้หวันกับฮ่องกง ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่พูดภาษาจีนสถานการณ์ดีขึ้นมากขณะนี้คาดจะสร้างรายได้ท่องเที่ยวเข้าสู่เศรษฐกิจไทยรวมกว่า 1,000 ล้านบาท  เฉลี่ยประเทศละ 500 ล้านบาท รวมทั้งปัจจุบันมีเที่ยวบินจาก 2 ประเทศ กลับมาให้บริการมาไทยฟื้นเร็วมากถึง 90 % ระหว่างมกราคม-20 มีนาคม 2566 ฮ่องกงมาไทยแล้ว 150,000 คนไต้หวัน 120,000 คน

การทำโร้ดโชว์ 2 ประเทศนี้เน้นเจาะตลาดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อน (Leisure) เมืองไทเป จับคู่ธุรกิจกับเอเย่นต์รายใหญ่ไต้หวัน 45 บริษัท บรรยากาศดีมากเพราะเป็นครั้งแรกที่กลับมาพบกับคู่ค้าไทยในรอบ 3 ปี ส่วน“ฮ่องกง” เอกชนไทยมีนัดเจรจากับเอเย่นต์กว่า 40 บริษัท มากถึง 1,000 นัดหมาย เป็นแรงผลักดันถึงอนาคตการท่องเที่ยวสดใสอย่างแน่นอน

เมื่อประเมินสถานการณ์ “ตารางบินฤดูร้อน” เริ่ม 26 มีนาคม -ปลายตุลาคม 2566 ทางสถาบันการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ยืนยัน “ไต้หวัน” มีที่นั่งเข้าไทยรวมกว่า 1.5 ล้านที่นั่ง   มาจากพื้นที่ 3 เมืองหลัก ได้แก่ ไทเป เกาสง ไถหนาน เชื่อมโยงด้วยเครือข่ายเที่ยวของ 8 สายการบิน เช่น การบินไทย ไทยเวียตเจ็ท ไชน่แอร์ไลน์ส อีวาแอร์ ไทเกอร์แอร์ ไทยสมายล์ ไทยไลออนแอร์ กระจายบินตรงเข้าสู่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และเที่ยวบินเช่าเหมาลำเข้าเกาะสมุย (สุราษฏร์ธานี) เร็ว ๆ นี้จะเปลี่ยนเป็นเที่ยวบินประจำ

ขณะที่ “พฤติกรรมไต้หวัน” สไตล์นักท่องเที่ยวกึ่งตะวันตกกลุ่มคุณภาพพำนักในไทยนาน 7 วัน/คน/ทริป ชื่อชอบพักโรงแรมลักชัวรี่หรูหรา โครงสร้างตลาดเปลี่ยนไปค่อนข้างมากตอนนี้กระจายตัวไปตามจังหวัดยอดนิยมไฮไลต์ตลาด4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 วัยรุ่น Young Generation เศรษฐีอายุน้อย เป็นลูกหลานนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ กลุ่มที่2 ท่องเที่ยวเชิงเอนเตอร์เทนดื่มกิน ในกรุงเทพฯ ชอบสถานที่ร้านอาหารเครื่องดื่มสไตล์ รูฟ ท็อป บาร์ กลุ่มที่ 3 ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นิยมซื้อแพกเกจเวลเนส สปา เช่น หัวหิน พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ กลุ่มที่ 4 ชอบมีส่วนร่วมทำกิจกรรมกับท้องถิ่นหรือ D.I.Y.

ส่วน “ฮ่องกง” 1.2 ล้านที่นั่ง มีจำนวนใกล้เคียงกับปีปกติ 2562 พฤติกรรมนักท่องเที่ยวมองไทยเป็น Weekend Destination สามารถบินมาได้ตลอดทั้งปีหรือ All Year Round ด้วยพื้นที่เป็นเกาะขนาดเล็กจึงอยากเดินทางมาไทยทุกบ่ายวันศุกร์ แล้วบินกลับเย็นวันอาทิตย์หรือเช้าวันจันทร์ พำนักเฉลี่ย 2-3 วัน/คน/ทริป ใช้จ่าย 6,400 บาท/คน/วันสูงกว่าค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวเอเชียในไทยใช้เงิน 5,200 บาท/คน/วัน

ททท.วางกลยุทธ์เพิ่มความถี่ให้นักธุรกิจฮ่องกงเดินทางมาไทยได้บ่อยครั้ง โดยจับมือพันธมิตรจัดโปรโมชั่นพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวซึ่งชอบดื่มกินในโรงแรม ร้านอาหารรูฟ ท็อป บาร์ นวดสปา เพราะส่วนใหญ่รู้จักไทยเป็นอย่างดีเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มซ้ำถึง 85 % ปี 2566 ททท.พยายามจะขยายฐานตลาดกลุ่มใหม่ “มิลเลนเนียล” นักเดินทางอายุน้อย ๆ ชาวฮ่องกงเข้ามาใช้จ่ายเงินเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น

นายชูวิทย์กล่าวว่า สินค้าท่องเที่ยวใหม่ New Chapters ที่ไทยพร้อมนำเสนอขายในตลาดไต้หวัน ฮ่องกง จะชู Soft Power 5F ได้แก่ Film/ละครไทย สองประเทศนี้ชื่นชอบมากพร้อมแต่งชุดไทยไปเดินเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น วัดอรุณราชวราราม วัดพระแก้ว และ “ดนตรี” ขณะนี้มี “เสี่ยวจู-โชว์ หลัว จื้อเสียง” ศิลปินนักร้องไต้หวันโด่งดังมาก ทำมิวสิคชื่อชุด “ไม่มี ไม่ใช่ ไม่ต้องกลัว (หม่าย ตอง กัว หมายถึงการซื้อแตงกวา)” เป็นเพลงแดนซ์มีคนติดตามหลายล้านวิว ปลายเดือนมีนาคม 2566 เดินทางมาถ่ายทำมิวสิคชุดใหม่ในเมืองไทย ททท.เตรียมต้อนรับเพราะมีแฟนคลับนับ 10 ล้านราย ซึ่งจะช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวไทยอีกช่องทาง

รวมทั้ง ททท.ได้ใช้ผู้มีอิทธิพล/Influencer และกลุ่มผู้นำทางความคิด/KOL :Key Opinion Leader จากหลายประเทศ เข้ามาเสริมทัพ จึงเหมาะกับการทำตลาดไต้หวันซึ่งก้าวหน้าไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเทรนด์ใหม่ผู้นำทางความคิดในโลกเสมือนจริง Virtual KOL ตอนนี้กำลังมาแรงมากในตลาดเกาหลีด้วย ซึ่งสามารถสร้างแคแลกเตอร์ตามที่นักท่องเที่ยวต้องการได้

นายชูวิทย์กล่าวว่าวางกลยุทธ์ช่วงครึ่งหลังปี 2566 ตั้งแต่ไตรมาส 2 เริ่มเมษายน-กันยายน นี้จะเดินหน้าลุยนำเอกชนไปโร้ดโชว์ต่อเนื่องในต่างประเทศ ตั้งแต่ “เดือนเมษายน” จะทำโร้ดโชว์ตลาดสาธารณรับประชาชนจีนรอบ 2 หลังจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้รอบแรกไปแล้ว ครั้งใหม่ ททท.จับมือกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดอันดามัน ภูเก็ตกระบี่ พังงา รุกเจาะตลาดจีน 3 เมือง ได้แก่ 1.เมืองฉงชิ่ง อยู่ทางฝั่งตะวันตก 2.ปักกิ่ง เมืองหลวงขนาดใหญ่ มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นเป็นจำนวนมาก 3.หนานจิง เมืองเก่าอยู่ใกล้ ๆ เซี่ยงไฮ้ มีเส้นทางเชื่อมโยงการบินจากเมืองรอบ ๆ เข้ามายังมากพอสมควร

“เดือนพฤษภาคม” โร้ดโชว์ญี่ปุ่น 2 เมือง โตเกียว โอซาก้า ระหว่าง 16-18 พฤษภาคม ต่อเนื่องด้วยการจัดงานอินเตอร์ในไทย “Thailand Travel Mart 2023” ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ กรุงเทพฯ ระหว่าง 31 พฤษภาคม -2มิถุนายน นี้

“เดือนมิถุนายน” เดินทางโร้ดโชว์ต่อไปยังตลาด “เกาหลีใต้” กรุงโซล โดยจะดึงผู้ประกอบการจากเมืองต่าง ๆ เข้ามาร่วมเจรจาการค้า เช่น เมืองฟูซาน และเมืองอื่น ๆ มารวมตัวกัน

นายชูวิทย์กล่าวว่าปี 2566 สถานการณ์การ “โครงสร้างตลาดท่องเที่ยวโลกเปลี่ยน” ส่วนใหญ่จะมาจากฝั่งเอเชียจำนวนมากทั้ง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง ททท.และไทยตั้งเป้าจะเพิ่มกลุ่มนักเดินทางคุณภาพเพื่อเพิ่มทั้งรายได้และจำนวนคน ตลาดที่มีความโดดเด่นชัดเจน ได้แก่ “ญี่ปุ่น” พำนักอยู่ในไทย 10 วัน ยาวที่สุดในเอเชียและมีพฤติกรรมใช้จ่ายเงินคล้ายคลึงยุโรป เน้นสินค้าดื่มกินเป็นหลัก จึงขอให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในไทยเตรียมรับมือสถานการณ์โลว์ซีซันของตลาดระยะไกล จะมีตลาดเอเชียดังกล่าวข้างต้นเข้ามาทดแทนทำรายได้ดีด้วย

สำหรับนักท่องเที่ยวเอเชียพร้อมไทยโลว์ซีซันปีนี้ พฤษภาคม-ตุลาคมนี้ จะมี 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1นักท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนหรือเลเชอร์ กลุ่มที่ 2 ไมซ์ คืออินเซ็นทีฟหรือการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล กลุ่มที่ 3 นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีนช่วง ททท.เดินทางไปโร้ดโชว์รอบแรกเดือนกุมภาพันธ์ได้พบปะกันระหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ได้รับการแนะนำจากจีนให้ช่วยดูแลนักท่องเที่ยวด้วย 3 คำ คือ “คุณภาพ/Qaulity-ความปลอดภัย/Safety-การส่งมอบประสบการณ์ที่ดี/Experience” จึงขอฝากให้ผู้ประกอบการไทยทั้งประเทศร่วมด้วยช่วยกันดูแลทั้ง 3 เรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen