ททท.รุกแผนปี’66 ดันเอเชียตลาดฮีโร่ปั้น 5 New โกย 62% หลังเปิดประเทศทัวร์ทะลักไทย ”อินเดีย-มาเลย์-สิงคโปร์-ออสซี่”

  • ททท.เปิดแผนท่องเที่ยวเชิงรุกปี’66 ดัน “เอเชียและแปซิฟิกใต้” เป็นฮีโร่โกยส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 62%
  • งัดกลยุทธ์ขายเทรนด์ใหม่ 5 New “Segment-Area-Partners-Infrastructure-way”
  • หลังปลดล็อก Test&Go กับ Thailand Pass นักเดินทางทะลักเข้าไทย

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขณะนี้ททท.ได้จัดทำแผนการตลาดท่องเที่ยวปี 2566 พร้อมจะเป็นแกนหลักขับเคลื่อนกิจกรรมส่งเสริมการขายในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกใต้ตามสัดส่วนใหม่ให้ได้ถึง 62 % โดยได้นำกลยุทธ์ใหม่เข้ามาสร้างแม่เหล็กดึงดูดรายได้เพื่อช่วงชิงนักท่องเที่ยวตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณตุลาคมปีนี้เป็นต้นไป มุ่งเสนอขาย 5 New ประกอบด้วย

1.New Segment รุกเจาะกลุ่มตลาดใหม่ ไม่ต่ำกว่า 9 กลุ่ม ดังนี้ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา/Sport Tourism การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม/Health & Wellness การท่องเที่ยวเชิงธุรกิจการท่องเที่ยวของกลุ่มดิจิทัล การเดินทงทำงานได้ทุกสถานที่/Nomad นักดำน้ำ/ปีนเขา การศึกษา คู่รักชาย คอร์ปอเรต เอ็กเซ็กคูทีฟ และอื่น ๆ

2.New Area ลุยหาตลาดท่องเที่ยวในพื้นที่ใหม่ โดยททท.วางกลยุทธ์เตรียมบุกเข้าไปเจาะตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งในตลาดเก่าแต่เป็นพื้นที่ใหม่ เช่น มาเลเซีย จากเดิมเน้นการขายหลักอยู่บริเวณเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ ปี2566 จะขยายไปให้ถึงเมืองยะโฮห์ รัฐสลังงอ ซึ่งเป็นพื้นที่รอบ ๆ เมืองหลวง หรือบุกเข้าสู่ตลาดใหม่อย่าง ประเทศมองโกเลีย ตั้งอยู่อยู่ใกล้ ๆ กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ช่วงโควิด-19 มีเดินทางเข้าไทยจำนวนหลายหมื่นคน

3.New Partner เร่งสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ส่วนใหญ่เป็นสายการบินกลุ่มใหม่ ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้มีแอร์ไลน์สนานาชาติแถวหน้าของงโลกสนใจจะเข้ามาทำกิจกรรรส่งเสริมตลาดการขายกับ ททท.เพิ่มขึ้น รวมทั้งกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายธุรกิจกระจายอยู่ทั่วโลกที่พร้อมจะเดินทางมาเมืองไทย หรือที่เรียกว่า Community Incentive Corporation

4.New Infrastructure นำเสนอโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ๆ อย่างระบบโครงข่าวระบบโลจิสติกส์ระบบรางซึ่งกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดขนาดใหญ่ เพื่อนำเสนอให้นักท่องเที่ยวใช้บริการเดินทางท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย เช่น เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดให้ประชาชนของตนเองเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้ ททท.ก็จะแนะนำให้ใช้รถไฟความเร็วสูงจากจีนตอนใต้ ผ่าน สปป.ลาว ผ่านเข้าอีสานมาเที่ยวเมืองไทย

5.New Way จุดประจายการท่องเที่ยวบนทางเลือกใหม่ ภายใต้เป้าหมายหลักรณรงค์ให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบหรือ RT -Responsible Tourism สอดคล้องกับกลุ่มตลาดท่องเที่ยวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างเศรษฐกิจชีวภาพหมุนเวียนสีเขียว BCG -Bio Circular Green ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากนักเดินทางกลุ่มมิเลนเนียล คนรุ่นใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตลาดเป้าหมายก็มี อินเดีย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน

ขณะเดียวกันก็ได้เดินหน้าตามนโยบาย ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ล่าสุดให้เพิ่มกลยุทธ์ Booster shot กำลังรองบประมาณเข้ามาเสริมเพื่อกระตุ้นตลาดเร่งด่วนซึ่งในภาพรวมทางฝ่ายตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ จะรักษาสถิตินักท่องเที่ยวที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทย หลังจากรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ ยกเลิก Test & Go การตรวจดหาเชื้อโควิดจากคนที่เดินทางจากต่างประเทศเข้าไทย และยกเลิก Thailand Pass การลงทะเบียนในระบบออนไลน์พร้อมแสดงหลักฐานเงินประกันก่อนจะมาเที่ยวเมืองไทย เมื่อทั้งสองเรื่องได้รับการปลดล็อกส่งผลดีมีนักท่องเที่ยวอาเซียน เอเชียใต้ เข้ามาไทยทันทั้งแต่พฤษภาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน 4 อันดับแรก คือ

อันดับ 1 “อินเดีย” จากเอเชียใต้ตอนนี้ทำสถิติเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยนำโด่งวันละ 4,000-5,000 คน ทำให้ภาพรวมนักท่องเที่ยวเมืองไทยเดลี มุมไบ และอีกหลายเมือง นักท่องเที่ยวสะสมมกราคม-มิถุนายน 2565 เกินกว่า200,000 คน ปลายปีนี้ยอดรวมน่าจะทำได้ถึง 1 ล้านคน

อันดับ 2 มาเลเซีย หลังจากเปิดด่านชายแดนไทยพร้อมกับมีเที่ยวบินของสายการบินกลับมาได้เกินกว่า 50 % ส่งผลดีกับการเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้าไทย

อันดับ 3 สิงคโปร์ ภายหลัง ททท.ปลดล็อกการใช้ประโยชน์จาก VTL :Vaccine Travel Lane เรียบร้อยแล้ว ก็ทำให้มีจำนวนที่นั่งเที่ยวบินเชื่อมโยงสิงคโปร์เข้าไทยทำได้เกินกว่า 50%

อันดับ 4 ออสเตรเลีย ตลาดนี้มีความสำคัญเพราะเป็นประเทศแรกที่ประกาศเปิดให้คนเดินทางมาไทยได้ โดยมีการบินไทยเปิดเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-ซิดนีย์ ทุกสัปดาห์

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.comp/penroongyaisamsaen