ททท.ผนึก 6 แพลตฟอร์ม ดึงเอเชียเข้าไทย-ทั่วโลกมา 10 ล้านคน ครึ่งหลังปี’66 รุก “ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง” ขานรับเที่ยวบินฟื้นตัว 90%

  • ททท.แจกข่าวดีต่างชาติเที่ยวไทยทะลุแล้ว 10 ล้านคน เร่งติดอาวุธเพิ่มครึ่งหลังปี’66 ลุย 2 กลยุทธ์ดิจิทัล มารเก็ตติ้ง
  • พร้อมทุ่มงบจ้างบิ๊กเอเชีย 6 แพลตฟอร์ม “Alipay-KLOOK-Agoda-KNA-Traveloka-Rakuten”
  • OTA ขานรับเที่ยวบินกลับมาบินใกล้ปกติ 70-90%

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ตั้งเป้าหมายปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน สร้างรายได้ 2.5 ล้านล้านบาทและในจำนวนยอดรวมทั้งหมดเอเชียจะต้องได้ 18 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 949,418 ล้านบาท ตลอดครึ่งปีแรกภายในเดือนมิถุนายนนี้จำนวนต่างชาติเข้าไทยแตะ 10 ล้านคน มาจาก อันดับ 1 มาเลเซีย ตั้งแต่เมษายนปีนี้ครบ 1 ล้านคนแล้ว ขณะนี้เดินทางเข้ามาต่อเนื่อง 8,000-10,000 คน/วัน อันดับ 2 สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมนี้ 1.1 ล้านคนแล้ว ตอนนี้เข้ามาต่อเนื่อง 10,000 คน/วัน อันดับ 3 อินเดีย มาแล้วกว่า 600,000 คนภายในมิ..-..นี้จะถึง 700,000 คน อย่างแน่นอน

อันดับ 4 เกาหลีใต้ สร้างความตื่นเต้นและปรากฎการณ์ใหม่ 4,000-5,000 คน/วัน ถึงจะจบฤดูหนาวไปแล้วตามปกติจะหนีหนาวมาช่วงตุลาคมมีนาคม ของทุกปี แต่ปีนี้ยังคงเข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีเที่ยวบินตรงจากหลายมายังจังหวัดท่องเที่ยวของไทย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต วิเคราะห์แล้วอาจเป็นผลมาจากการสร้างจุดขายร่วมกันเรื่องพลังSoft Power วงการบันเทิง จึงทำให้ตลาดกลุ่มมิลเลนเนียล/คนรุ่นใหม่ ต้องการมาไทยมากขึ้น

อันดับ 5 สิงคโปร์ เวียดนาม แต่ละประเทศเกิน 500,000 คน ไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังเล็ง “ญี่ปุ่น” มาแล้วเกือบ300,000 คน เพราะภาวะเศรษฐกิจซึมเล็กน้อย ด้วยนิสัยความมีระเบียบวินัยสูง รัฐบาลญี่ปุ่นทำแคมเปญแจกแถมเที่ยวในประเทศ ส่วน “ไต้หวัน” ตลอดปีได้แน่ 400,000 คน

โดยภาพรวมแล้วตลาดระยะใกล้ (shorthaul) กลับมาได้เกินกว่า 50 % ของปี 2562 ปัจจัยสำคัญคือ ความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ผนวกกับสายการบินเร่งเพิ่มเส้นทางและความถี่เข้ามายังไทย ไม่ว่าจะเป็น การบินไทย ANA แล้วยังมีโลว์คอสต์แอร์ไลน์สอีกเป็นจำนวนมาก ทำโปรโมชั่นไหลออกสู่ตลาดต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา

อาวุธใหม่” ที่ ททท.พร้อมใช้เพิ่ม ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 งานเข้าร่วมงานเทรดท่องเที่ยว ททท.ได้งบกลางมากระตุ้นท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง เริ่มตั้งแต่เมษายน 2566 เป็นต้นมา เน้นทุ่มลงทุน Digital Marketing ได้นำโมเดลจากยุโรปมาประยุกต์ใช้ร่วมกับโฮลเซลส์ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม ออนไลน์ เสิร์ซเอนจิ้น ของค่ายใหญ่ทั่วเอเชียทั้งใน จีนเกาหลี ญี่ปุ่น ล่าสุด ททท.ใช้งบราว 20 ล้านบาท ทำกับแบรนด์พันธมิตรแถวหน้าของเอเชีย 4 แพลตฟอร์ม ได้แก่

1.AlipayสาธารณรัฐประชาชนจีนทำแคมเปญChina is Backเริ่มวางขายเที่ยวไทยพฤษภาคมสิงหาคมนี้ตั้งเป้าขายให้ครบ200,000แพ็ก2.KLOOKแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งในสิงคโปร์ฟิลิปปินส์ไต้หวันฮ่องกงและทั่วเอเชีย3.Agodaประเทศไทยเป็นผู้นำตลาดจองห้องพักท่องเที่ยวครบวงจร4.KNAแพลตฟอร์มที่แข็งแรงในเกาหลีญี่ปุ่นฮ่องกงไต้หวันบางแพลตฟอร์มอาจจะทับซ้อนพื้นที่กันบ้างแต่สามารถช่วยททท.โปรโมตท่องเที่ยวเมืองไทยเพิ่มจำนวนและรายได้ทุกตลาดให้ประสบความสำเร็จสูงมากแล้วกำลังมองเพิ่มไปยังแพลตฟอร์มชั้นนำอย่างTravelokaอินโดนีเซียRakutenในญี่ปุ่น

โดยภาพรวมตลาดเอเชียติดอาวุธสำคัญคือการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม และ OTA :Online Travel Agents บวกกับมีเที่ยวบินกลับมาบินตามปกติเกินกว่า 70 % จีน เกาหลี สิงคโปร์ โดยเฉพาะอินเดีย เป็นผู้เล่นสำคัญ รวมถึงเวียดนาม มีเที่ยวบินสูงถึง 80-90 % เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้การเดินทางเข้าถึงเมืองไทยสะดวกสบายมากขึ้น

ขณะเดียวกันก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในช่องทาง “ทางบก” มาเลเซีย เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะปี 2567 ตั้งเป้ามาไทยเกินล้านคน ซึ่งทาง ททท.สำนักงานกัวลาลัมเปอร์ จะต้องหาพันธมิตรใหม่เข้ามเสริมทัพเตรียมพร้อมในปีต่อไป

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน#gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen