ททท.ขอพันล้านทำ “Booster Shot” บู๊สท่องเที่ยว ข่าวดี!! เปิดประเทศต่างชาติเที่ยวไทยพุ่ง 2 ล้านคน

  • ผู้นำ ททท. เตรียมชง ศบศ.ของบ “Booster Shot” หลักพันล้านบาท
  • เร่งบู๊สท่องเที่ยวตลาดในและต่างประเทศ เพิ่มจำนวนและรายได้ฟื้นทันควันภายใน 6 เดือนนี้
  • ตั้งเป้าบู๊สเพิ่ม “ที่นั่งเที่ยวบิน1 ล้านที่นั่ง+ยอดห้องพัก 1 ล้านห้อง+ใช้บริการรถทัวร์เที่ยว 1 ล้านคน”
  • โชว์สถิติ ม.ค.-มิ.ย.65 ต่างชาติเข้าไทยทะลุ 2 ล้านคนแล้ว

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้นำกลยุทธ์ Booster Shot เข้ามาเร่งฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ตามที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบนโยบายให้ ททท.กระตุ้นปี 2565 นำเข้านักท่องเที่ยวต่างประเทศให้ได้ 7-10 ล้านคน และคนไทยเที่ยวในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง โดยเตรียมเสนอขอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 (ศบศ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณางบประมาณหลักพันล้านบาท นำมาทำบู๊สเตอร์คล้ายกับการบู๊สวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งในคณะกรรมการชุดนี้จะมีรัฐมนตรีจากหลายกระทรวงร่วมอยู่ด้วย ได้พิจารณาก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เนื่องจากงบประมาณที่ใช้อยู่ปัจจุบันเป็นของปี 2565 อนุมัติไว้ตั้งแต่เมื่อตุลาคม 2564 โดยมีบางหน่วยงานก็ถูกตัดลดงบลงไปจึงมีไม่เพียงพอจะนำมาใช้ทำโครงการบู๊สเตอร์ดังกล่าว

ล่าสุด ททท.ได้เชิญภาคธุรกิจ “ตลาดในประเทศ” ทั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยว สายการบินต่าง ๆ โรงแรม และเกี่ยวข้อง เสนอแนวคิดร่วมกันที่จะเดินหน้ากลยุทธ์บู๊สเตอร์ช็อต 3 ส่วนหลัก ได้แก่

ส่วนที่ 1 เป้าหมายนำ “จำนวนที่นั่งเที่ยวบิน” กลับมาให้ได้ 1 ล้านที่นั่ง แล้วจะกระจายไปตามเมืองท่องเที่ยวหลักและเมือง

ส่วนที่ 2 ที่พักกระตุ้นเพิ่มยอดพักอีก 1 ล้านห้อง นอกเหนือจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ต่อขยาย” 1.5 ล้านสิทธิ์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการครอบคลุมทั่วทั้ง 5 ภูมิภาค ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้

ส่วนที่ 3 เชิญชวนคนเดินทางโดยใช้บริการรถบัสนำเที่ยวหรือรถทัวร์อีกประมาณ 1 ล้านคน

ควบคู่แผนฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว ด้วยการตั้งเป้าตลอดปี 2565 จะต้องทำให้โรงแรมทั่วประเทศมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 55 % ขณะนี้สถิติเข้าพักดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังไม่เพียงพอจะฟื้นประเทศจะฟื้นขึ้นมาได้ททท.จึงวางแผนช่วงครึ่งปีหลัง ระหว่างกรกฎาคม-ธันวาคม 2565 จะต้องเข้าไปกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวพร้อมกับต้องพักตามโรงแรมที่เปิดบริการแล้วทั่วประเทศให้ได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 60%

ขณะที่ “ตลาดต่างประเทศ” ททท.จะทำวางแผนอัดฉีดเงินทำ “โปรโมชั่นร่วมกัน” หรือ Joint Promotion ร่วมกับสายการบินนานาชาติรายใหม่หรือสายการบินเดิมที่พร้อมจะกลับมาเปิดบินใหม่แบบประจำ ไป-กลับ จากประเทศต้นทางสู่เมืองไทย เปิดเที่ยวบินใหม่ หรือมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter flight) เข้าประเทศไทย

โดยภาพรวมขณะนี้ ททท.ตั้งเป้าจะต้องบู๊สเตอร์นำ“จำนวนที่นั่งเครื่องบิน” ของสายการบินระหว่างประเทศกลับมาไทยให้ได้ไม่น้อยกว่า 50 % ขึ้นไปของปี 2562 ปัจจุบันยังขาดอยู่อีกกว่า 10 ล้านที่นั่ง

ส่วนสถิติต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทยล่าสุด ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2565 ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเกิน 2 ล้านคน เรียบร้อยแล้ว ดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนมีเพียง 4 แสนคน ถือเป็นข่าวดีของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ต้องปลดล็อกปัญหาตอนนี้เรื่อง “สายการบินนานาชาติ” จากทั่วโลกที่บินประจำเข้าเมืองไทยยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ตัวอย่างปี 2562 มีประมาณ 250,000 เที่ยวบิน ปัจจุบันปี 2565 บินมาไทยเพียง 75,000 เที่ยว ยังมีน้อยมากแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น รวมถึง “จำนวนที่นั่งเครื่องบิน” ก็ยังน้อยอยู่เหมือนกัน รวม ๆ แล้วมีประมาณ 17 ล้านที่นั่ง ยังไม่ถึงครึ่งของปี 2562

ดร.ยุทธศักดิ์ ย้ำว่า การนำจำนวนที่นั่งเที่ยวบินกลับมาบินอีกครั้ง ททท.เองก็ต้องคำนึงถึง “ความปลอดภัยของผู้โดยสาร” เช่น ตลาดรัสเซียตั้งเป้าปี 2565 จะนำเข้าให้ได้ 1 ล้านคน แต่ด้วยสถานการณ์สู้รบต่าง ๆ หากไม่ทำโครงการบู๊สเตอร์ก็อาจจะไม่สามารถนำเข้ามาได้ ททท.ได้ทำหน้าที่เป็นคนกลางคุยกับผู้ประกอบการรัสเซียรายใหญ่ ๆ ที่มีฐานอยู่ในประเทศไทย กับสายการบิน นัดให้เจอกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว แล้วให้แต่ละฝ่ายไปทำการบ้าน ประเมินต้นทุนค่าใช้จ่ายแล้ว ททท.จะช่วยเชื่อมประสานทำให้มีสายการบินและจำนวนที่นั่งเที่ยวบินเพิ่มขึ้นให้เร็วที่สุด

ในสถานการณ์แบบนี้หากต้องการให้ “อุตสาหกรรมท่องเที่ยว” เป็นกลไกฟื้นฟูเศรษฐกิจก็จำเป็นจะต้อง “ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม” ตามที่ ททท.ได้ประสานงานเบื้องต้นกับทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช./สภาพัฒน์) ไว้บ้างแล้วถึงความเป็นไปได้ที่จะให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล หลังจากเปิดประเทศเต็มรูปแบบแล้ว เร็ว ๆ นี้จะเสนอที่ประชุม ศบศ. พิจารณาคำขอใช้งบประมาณเพื่อเดินหน้าทำโครงการบู๊สเตอร์ ช็อต ให้ทันช่วงครึ่งหลังปี 2565 ต่อไป

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์แนวโน้มตลาดต่างประเทศเข้าไทยในช่วงฤดูเดินทางหนาแน่น (High Season) ตั้งแต่ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป นับจากการเปิดโครงการ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ต่อด้วยยกเลิก Test & Go มีตัวเลขนักท่องเที่ยวดีขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันมีต่างชาติมาไทย 20,000-30,000 คน นั่นหมายถึงเฉลี่ยเดือนละ 500,000-600,000 คน

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen