ถึงเวลาแล้วที่ไทยต้องใช้มาตรการจริงจัง จัดการโควิด “ศ.นพ.ยง” แนะปฏิบัติแบบจีน-เกาหลีใต้ ก่อนยอดผู้ติดเชื้อพุ่งกว่านี้

  • ชี้แบบจีนใช้วิธีกักตัวจริงจังไม่ให้ผู้ป่วยไปแพร่เชื้อห้ามปชช.ออกนอกบ้าน
  • ด้านเกาหลีใต้ใช้วิธีตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีหาRNAไวรัสในผู้ป่วย
  • ย้ำท้ายที่สุดปชช.ทุกคนต้องมีวินัยและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในการควบคุมโรค

.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “โควิด 19” ควบคุมการระบาดให้มีผู้ป่วยน้อยที่สุด การระบาดของประเทศไทยขณะนี้ ถ้าดูตามตัวเลข และมาตรฐานที่ใช้ อัตราการเพิ่มของผู้ป่วย อยู่ในการกระจายโรคที่ 1.5 (R0) ถึงแม้ว่าจะน้อยกว่าธรรมชาติของโรค R0 = 2.5 แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจ

เพราะถ้าปล่อยแบบนี้ จำนวนผู้ป่วยปลายเดือนเมษายน จะขึ้นเป็นหลักหมื่น เราจะต้องช่วยกัน ศึกษาจากบทเรียนของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุม วิธีการควบคุมการระบาด นอกจากที่เราทำกัน ที่กล่าวมาแล้ว

จีนและเกาหลีใต้ ประสบความสำเร็จในการควบคุมโรค มีผู้ป่วยรายใหม่น้อยที่สุด จีนใช้มาตรการเต็มที่ในการกักกันโรคไม่ให้แพร่กระจาย กระบวนการปิดเมือง ปิดการจราจร กำหนดระยะห่างของบุคคลและสังคม บังคับใช้หน้ากากอนามัย ไม่ให้ออกจากบ้าน กักกันผู้ป่วยไม่ให้ไปติดผู้อื่น ทุกคนมีระเบียบวินัย ลดการแพร่กระจายเชื้อ จนแทบจะไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เกิดขึ้นในจีน

เกาหลีใต้เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่ประสบความสำเร็จ โดยใช้นโยบายค้นหาผู้ป่วย หรือผู้ติดเชื้อ ด้วยการตรวจวินิจฉัยจะเห็นว่าเกาหลีใต้ มีการตรวจวินิจฉัย ด้วยวิธี หา RNA ไวรัสในผู้ป่วย มากกว่า 200,000 ราย ในระยะเวลาไม่ถึงเดือนเพื่อค้นหาผู้ป่วยตั้งแต่เริ่มแรก และเข้าสู่กระบวนการเก็บตัวและรักษา

ประเทศไทยมาถึงจุดหนึ่งที่จะต้องเริ่มมาตรการอย่างเข้มแข็ง น่าจะนำบทเรียนจากประเทศจีน และเกาหลี โดยการใช้มาตรการอย่างเข้มแข็งของประเทศจีน ทุกคนต้องมีระเบียบวินัย และมีการลงโทษอย่างจริงจัง ให้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในการควบคุมโรค รวมทั้งเพิ่มปริมาณการค้นหาผู้ป่วย แบบเกาหลี เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อให้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่มีอาการ ให้รวดเร็วเพื่อเข้าสู่กระบวนการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน เพื่อให้เราควบคุมโรคได้