ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ยังคงได้รับผลกระทบจากกระแสแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ที่มีต้นตอมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยตลาดทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปิดทำการครึ่งวัะนช่วงเช้า อยู่ที่ 9.25 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 5.13% สูงสุดที่ 9.85 บาท ต่ำสุดที่ 9.20 บาท
อย่างไรก็ตาม ทาง TKN ได้ออกมายืนยันตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีนยังไม่มีการเลื่อนกำหนดรับสินค้า หลังเกิดเหตุแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา เชื่อมั่นรัฐบาลจีนจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เดินหน้าเตรียมความพร้อมแผนรับมือผลกระทบในอนาคต พร้อมวางกลยุทธ์เปิดตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น หนุนโอกาสเพิ่มยอดขายและกระจายสินค้า
นายอิทธิพัทธ์พีระเดชาพันธ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเถ้าแก่น้อยฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้งจำกัด (มหาชน) หรือTKN ผู้ผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า‘เถ้าแก่น้อย’รวมถึงขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ส่งผลต่อความกังวลด้านผลกระทบต่อการสั่งซื้อสินค้าในประเทศจีนและภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศไทยในระยะสั้น ที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยลดลงในช่วงนี้ บริษัทฯ มีความมั่นใจว่ารัฐบาลจีนจะสามารถควมคุมสถานการณ์เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ และยังไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของบริษัทไปยังประเทศจีน
ทั้งนี้ ในปัจจุบันผู้แทนจำหน่าย (Distributor) ในจีน ยังไม่มีการปรับหรือเลื่อนออเดอร์สินค้า ประกอบกับขณะนี้ ประเทศจีนยังอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนซึ่งเป็นวันหยุดต่อเนื่อง โดยภาคธุรกิจต่างๆ ในจีนจะเริ่มเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าจะสามารถประเมินสถานการณ์ได้ชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตาม TKN ได้มีการประเมินความเสี่ยงในภาคธุรกิจ รวมถึงการวางแผนงานเพื่อเตรียมความพร้อม และรับมือกับสถานการณ์แล้ว หากกรณีการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการส่งออกในอนาคต โดยในเบื้องต้น บริษัทฯ มุ่งเน้นกลยุทธ์การขายผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“ทั้งนี้ 9 เดือนแรก ปี 2562 TKN มีสัดส่วนยอดขายในไทย 42% จีน 35% และประเทศอื่นๆ อีก 23% โดยขณะนี้ทางทีมผู้บริหารไม่ได้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ประมาท โดยมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อเตรียมรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตหากเกิด Worst Case” นายอิทธิพัทธ์ กล่าว
