ตี๋-หมวยแห่เปิบผัก-ผลไม้ไทย

  • หลังเอฟทีเออาเซียน-จีนมีผลบังคับใช้
  • ยอดนำเข้าผัก-ผลไม้ไทยพุ่ง1,321%
  • มันสำปะหลัง-ทุเรียนนำเข้าสูงสุด

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยไทยส่งออกผัก-ผลไม้ไปจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเอฟทีเออาเซียน-จีน บังคับใช้ตั้งแต่ปี 46 ดันมูลค่าส่งออกปี 61 เพิ่ม 1,321% เมื่อเทียบปี 45 ก่อนมีเอฟทีเอ ส่วน 5 เดือน ปีนี้ ทะลุ 1,199 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 31% มันสำปะหลัง-ทุเรียนครองแชมป์ส่งออกมากสุด

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ไทยส่งออกผักและผลไม้ไปจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่ความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาเซียน-จีน มีผลบังคับใช้ และจีนได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าวทุกรายการจากไทยตั้งแต่ปี 46 เป็นต้นมา โดยมูลค่าการส่งออกจากไทยเพิ่มจาก 136.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 45 เป็น 1,927.3 ล้านเหรียญฯ ในปี 61 หรือเพิ่มขึ้น 1,312% และในช่วง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ปีนี้ มีมูลค่า 1,199.7 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 31%

นอกจากนี้ ยังพบว่า การส่งออกพืชผักของไทย ครองอันดับ 1 ในจีน โดยในปี 61 มีมูลค่าส่งออก 909.6 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 784% จากก่อนที่เอฟทีเอจะมีผลบังคับใช้ และในช่วง 5 เดือนของปีนี้ มีมูลค่า 361.1 ล้านเหรียญฯ ลดลง 33% โดยสินค้าส่งออกสำคัญ คือ มันสำปะหลัง คิดเป็นสัดส่วน 96% ของการนำเข้าทั้งหมดของจีน รองลงมา คือ พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว และผักแห้ง เช่น เห็ดหูหนู เป็นต้น

ส่วนผลไม้ ในปี 61 ไทยส่งออกไปจีน 1,017.73 ล้านเหรียญฯ เป็นอันดับที่ 3 รองจากฮ่องกงและชิลี เพิ่มขึ้น 2,841% จากก่อนที่เอฟทีเอจะมีผลบังคับใช้ และในช่วง 5 เดือนปีนี้ มีมูลค่า 838.61 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 123% โดยทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงสุดถึง 48.54% รองลงมา คือ ลำไย มังคุด และมะพร้าวอ่อน เป็นต้น ขณะเดียวกัน ยังพบว่า ไทยได้เปรียบดุลการค้าสินค้าผักและผลไม้กับจีนมาโดยตลอด โดยเมื่อเทียบกับก่อนที่เอฟทีเอจะมีผลใช้บังคับ ไทยได้เปรียบดุลการค้าสินค้าดังกล่าวเพียง 100.22 ล้านเหรียญฯ แต่ในช่วง 5 เดือนปีนี้ ไทยได้เปรียบดุลการค้าถึง 854.75 ล้านเหรียญฯ