ตำรวจบุกค้น อาคารไทยซัมมิท “คณะก้าวหน้า” ขัดจังหวะ “ปิยบุตร” ไลฟ์สด

  • “ช่อ” ซัดกลับแถลงข่าวไม่ใช่ชุมนุมต้องมีคนเกิน5คนอยู่แล้ว
  • โฆษกพรรคก้าวไกลลั่น! พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าไปยังตึกอาคารไทยซัมมิท ชั้น 5 ของคณะก้าวหน้า ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่นายปิยุจร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กำลังแถลงความเห็น “ความเห็นต่อการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงและการดำเนินคดีกรณี “ขบวนเสด็จ”

ทั้งนี้ทันทีที่ตำรวจเดินทางมาถึงนายปิยบุตร ได้พยายามสอบถามว่าใช้อำนาจอะไรในการเข้ามาในภายอาคารแห่งนี้ ซึ่งตำรวจมีหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ใช่ทำหน้าที่ตามนายสั่งมา โดยนายปิยบุตร ได้เข้าไปเจรจากับนายตำรวจที่เข้ามาด้วยตัวเอง ซึ่งตำรวจแจ้งต่อนายปิยบุตรว่า เป็นการเข้ามาดูความเรียบร้อยเท่านั้นและบันทึกเอาไว้ และดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย ซึ่งนายปิยบุตร กล่าวว่า สถานการณ์เช่นนี้แทบไม่ต่างอะไรกับการรัฐประหาร เพราะเหลือแค่การฉีกรัฐธรรมนูญ การใช้กฎหมายปราบปรามย่อมไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ต้องเปิดพื้นที่ให้นักศึกษา

ส่วน ช่อ-พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ของคณะก้าวหน้าว่า เจ้าหน้าที่ของตึกแจ้งว่ามีตำรวจเข้ามาภายในอาคาร เจ้าหน้าที่ขอให้ตำรวจรอก่อน แต่ตำรวจแจ้งว่าเข้ามาดูแลความเรียบร้อยตามปกติ ทันทีที่ตำรวจขึ้นมาโดยยังไม่แจ้งวัตถุประสงค์ จึงต้องมีการปิดประตูห้องแถลงข่าวก่อน เพราะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของเอกชน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเอกสารเกี่ยวกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาให้ดู ซึ่งการแถลงข่าวของเราไม่ใช่การชุมนุม และการแถลงข่าวย่อมต้องมีผู้สื่อข่าวเกิน 5 คนอยู่แล้ว และที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งต่อสาธารณะว่ายังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า จากการแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม วันนี้ เรื่องการเห็นชอบของครม.ในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยเบื้องต้นจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เป็นเวลา 30 วันนั้น ตนในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงของนายกรัฐมนตรีไม่มีความชอบธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากยังไม่มีข้อเท็จจริงที่เข้าเหตุให้ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน