“ตั้งสติ พร้อมลุย(น้ำ)” 5 วิธีพื้นฐาน ขับรถฝ่า “น้ำท่วม”

หากจำกันได้ในช่วงไม่กี่วันก่อนนี้ คนไทยยังกังวลต่อ “ปัญหาภัยแล้ง” แต่พอเข้าปลายเดือนสิงหาคมเข้าสู่ช่วงเดือนกันยายน ประเทศไทยก็ปรับโหมดเข้าสู่ฤดูมรสุมอย่างรวดเร็ว มีพายุเข้าต่อๆกัน หลายลูก จนหลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก และกว่าจะซาคงเข้าสู่ปลายฝนต้นหนาวในช่วงเดือนตุลาคมและหนึ่งในปัญหาที่บรรดาคุณสาวๆ และบรรดามือใหม่ที่เพิ่งขับรถยนต์ กลัวกันมาก คือ การขับรถยนต์ท่ามกลางน้ำท่วม กลัวเครื่องจะดับ กลัวน้ำเข้ารถ กลัวเครื่องยนต์พัง ฯลฯ สารพัดจะกลัว

แล้วจะทำอย่างไร ถ้าวันไหนเรามีเหตุสุดวิสัยจริงๆ ไม่สามารถเลี่ยงเส้นทางได้ ต้องขับรถยนต์ฝ่าน้ำท่วม ลองใช้ 5 ข้อนี้ ช่วย”ตั้งสติ” ช่วยวางแผนดีๆ น่าจะทำให้ผ่านสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ไปได้ไม่ยาก

1.ตั้งสติ-สังเกต-ก่อนลุย
ก่อนที่จะลุยน้ำท่วม ให้สังเกตความสูงของระดับน้ำให้แน่ใจเสียก่อนว่า รถยนต์ของเรามีความสูงเพียงพอที่จะไปได้ โดยดูความสูงของน้ำ เทียบกับกำแพงรั้ว หลักถนนหรือเสาไฟฟ้าข้างทางเทียบ โดยรถเก๋งทั่วไปสามารถลุยน้ำสูงได้ประมาณ 20 -40 ซม. หรือเทียบประมาณครึ่งล้อรถ หรือน้ำที่ท่วมควรจะต่ำกว่าขอบประตู หรือสูงกว่านั้นนิดหน่อยก็ยังไหว แต่ถ้าสูง เกิน 60-80 ซม.ขึ้นไป ตามหลักการแล้วถือว่าไม่ปลอดภัยไม่ควรขับขี่

2.ปิดแอร์
ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด ในขณะขับรถลุยน้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตื้นหรือน้ำลึก เพราะสาเหตุที่รถดับ ส่วนใหญ่เกิดจากการเปิดแอร์แล้วขับลุยน้ำ เพราะใบพัดของพัดลมจากการเปิดแอร์จะพัดให้น้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง ซึ่งทำให้มีโอกาสที่เครื่องจะดับสูงมาก

3.ปรับมาใช้เกียร์ต่ำ
หากเป็นรถเกียร์กระปุก ควรใช้เกียร์ 1 หรือ 2 ถ้าเป็นรถเกียร์ออโต้ก็ให้ใช้เกียร์ L หรือ M1 D2 ขับช้าๆ ใช้ความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และควรใช้ความเร็วสม่ำเสมอ เพราะในสภาพที่มีน้ำท่วม ศักยภาพการยึดเกาะของยางจะลดลงมาก

4.อย่าพยายามเร่งเครื่องหรือขับผ่านให้เร็ว
อย่าเร่งเครื่องยนต์ให้รอบสูงเด็ดขาด หรือพยายามเร่งเครื่อง เพราะหลายคน คงอยากจะผ่านจุดนี้ไปให้ได้เร็วที่สุด แต่จริงๆ แล้วการขับช้าๆ จะช่วยป้องกันน้ำเข้าห้องเครื่องและเครื่องดับได้ดีกว่า ดังงนั้น ขอให้ขับช้าๆ จนกว่าจะผ่านน้ำท่วมไปได้

5.อย่าดับเครื่องยนต์ทันที เมื่อผ่านน้ำท่วม
หลังลุยน้ำท่วม ให้พยายามย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก ป้องกันปัญหาเบรกไม่อยู่ สำหรับระเกียร์ธรรมดา ต้องมีการย้ำคลัชต์เพื่อปัญหาคลัชลื่น รวมทั้ง ไม่ควรดับเครื่องทันที ถึงแม้ถึงจุดหมายก็ตาม เพราะอาจมีน้ำค้างอยู่ในหม้อพักของท่อไอเสีย ซึ่งควรสตาร์ทรถทิ้งไว้สักพักให้เพื่อให้น้ำระเหยออกให้หมดก่อน

ส่วนกรณีรถยน์เสียหายจากการจมน้ำหรือแช่ขังนั้น ไม่ใช่ทุกประกันจะรับผิดชอบความเสียหาย ดังนั้น เช็คให้ดีด้วยว่า ประกันรถของเราคุ้มครองภัยจากน้ำท่วมหรือไม่ในแต่ละกรมธรรม์