ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวแคบไร้ทิศทางชัดเจน ไม่แน่ใจผลประกอบการไตรมาส 2

  • เปิดตลาดดาวโจนส์ยังบวกต่อเล็กน้อย-อีก 2 ตลาดลบ
  • นักลงทุนยังไม่มั่นผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาดี
  • นักวิเคราะห์คาดปีหน้าดาวโจนส์ทะลุ 31,500 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ เปิดตลาดวันที่ 16 ก.ค.ติดลบเล็กน้อย ก่อนที่จะเด้งกลับขึ้นมาเป็นบวก โดยเมื่อเวลาประมาณ 21.45 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีดาวโจนส์ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 27,386.35 จุด เพิ่มขึ้น 27.19 จุด หรือ+0.10%ขณะที่ดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิท อยู่ที่ระดับ 8,256.63 จุด ติดลบ -1.55 จุด หรือติดลบ -0.02% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ 3,014.63 จุด เพิ่มขึ้น +0.33 จุด หรือ 0.01%

ทั้งนี้ การประกาศผลไตรมาสที่ 2 บริษัทขนาดใหญ่ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส, โกลด์แมน แซคส์, เวลส์ ฟาร์โก และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ต่างเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ มีบริษัทราว 5% ของดัชนี S&P 500 ที่ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว มากกว่า 85% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด

แต่อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังมีความไม่แน่ใจ เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการลดลง 3% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงของผลประกอบการรายไตรมาสครั้งแรกในรอบ 3 ปี

ในทางตรงกันข้าม Ed Yardeni, president of investment advisory Yardeni Research เชื่อว่า ดัชนีดาวโจนส์อยู่ในช่วงของความร้อนแรง และจะสามารถแตะ 31,500 จุดได้ในช่วงสิ้นปี 2563 หลังจากที่ปิดยืนเหนือ 27,000 จุดได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

แต่การคาดการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่นั้น Yardeni ระบุว่า ขึ้นกับปัจจัยหลายประกาศ เช่น นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะจัดการ “สงครามการค้า” และการเจรจาการค้า ไปในทางทิศใด รวมทั้ง นายทรัมป์จะชนะเลือกตั้งครั้งแต่ไปหรือไม่ แต่เชื่อว่า การดำเนินการของนายทรัมป์ จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่มีทางเลือก โดยต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้น