- “ข้าวหงษ์ทอง” ส่งข้าหอมมะลิใหม่ต้นฤดูเจาะใจผู้บริโภค
- หวังดันยอดขายปี62สร้างรายได้2,200 ล้านบาท
- ชี้ภาวะเศรษฐกิจซบ ผู้บริโภคเลือกซื้อข้าวไม่เกินถุงละ200บาท
นายกัมปนาท มานะธัญญา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายข้าวแบรนด์ ข้าวหงษ์ทอง เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาราคาข้าวเปลือกขยับสูงขึ้นเกือบ 30-40% ที่ราคาข้าวหอมมะลิตันละ 18,000 -20,000 บาท ทำให้ต้นทุนข้าวเพิ่มขึ้นตามสภาวะตลาด ส่งผลต่อราคาขายปลีกข้าวหอมมะลิบรรจุถุง ราคาเฉลี่ย 230-250 บาทต่อขนาด 5 กก. ราคาข้าวหอมเกรดรองอยู่ที่ 170-200 บาท ผู้บริโภคจึงหันมาซื้อข้าวหอมเกรดรองมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขสัดส่วนการขายของข้าวสารบรรจุถุงเดือนม.ค.-มิ.ย. ปี 2562
ทั้งนี้มูลค่าตลาดข้าวบรรจุถุงปี 2562 คาดว่าจะมีมูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งข้าวหงษ์ทองมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 11% หรือประมาณ 2,200 ล้านบาท และในปี 2563 ข้าวหงษ์ทองวางเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยวางแผนการเติบโตจากช่องทางการจัดจำหน่ายเดิม หรือ Offline 10% ซึ่งได้มีการวางแผนการเติบโตจากออนไลน์ 300% ซึ่งจะจัดจำหน่ายทุกตลาดซึ่งปัจจุบันเราเป็นที่ 1 ในการขายข้าวถุงทางออนไลน์ได้รับการสั่งซื้อทั้งจากช้อปปี้ และลาซาด้า มียอดขายเป็นที่น่าพอใจเพิ่มขึ้นทุกปี
“ยอดขายเดือน มกราคม – กันยายน ปี 62 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ยังมียอดขาย เพิ่มขึ้น 4% และยอดขาย เพิ่มขึ้น 5% สัดส่วนการขายข้าวหอมมะลิมากที่สุด แต่ยอดขายลดลง แต่ที่ทำได้ดีมากคือข้าวหอมเกรดรองเติบโต73% และข้าวสุขภาพเติบโต 160% ทั้งจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ และสินค้าใหม่ข้าวกล้องหอม100% ขนาด 5 กก. และยังได้วางแผนแคมเปญข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู Limited Edition เป้าหมายการเติบโตเท่าตัว ซึ่งจะเป็นแคมเปญส่งท้ายปีช่วยทำให้ปิดเป้าหมายประจำปีได้
นายกัมปนาท จากสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่มีปัญหาเรื่องค่าครองชีพสูง ในขณะที่รายได้ลดลง หรือไม่เพิ่มขึ้น ทำให้กระทบกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อข้าวที่ผู้บริโภคเลือกซื้อข้าวเกรดรองราคาไม่เกิน 200 บาทต่อถุงเพิ่มขึ้น จึงทำให้ข้าวหอมมะลิมีการเติบโตเล็กน้อย เราเล็งเห็นสถานการณ์ดังกล่าว จึงมีสินค้าใหม่วางจำหน่ายในปีนี้คือ ข้าวหอมคัดพิเศษ เป็นข้าวหอมผสมกินอร่อย หุงขึ้นหม้อมากกว่า 2 เท่า ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคดีเช่นกัน