ตรวจสอบให้ชัด!รองโฆษกรัฐบาลเตือนคนไทยที่จะไปต่างประเทศดูกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาประเทศปลายทางให้ละเอียด

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตามที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขได้ปลดกัญชาและกัญชงออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. ​2565 เป็นต้นมาซึ่งมีผลให้ทุกส่วนของต้นกัญชาและกัญชงไม่เป็นยาเสพติดยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC เกิน 0.2% แต่ผลทางกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น

“ขอย้ำเตือนกับผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาที่มีส่วนผสมของกัญชา ส่วนต่างๆ ของกัญชา กัญชงในครอบครองที่จะเดินทางไปต่างประเทศให้ตรวจสอบกฎหมายของประเทศปลายทางเกี่ยวกับข้อกำหนด การอนุญาต ข้อห้ามโดยละเอียด หากไม่แน่ใจไม่ควรนำทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหรือส่วนต่าง ๆ ของกัญชา กัญชงติดตัวไปต่างประเทศ เนื่องจากหลายประเทศกัญชา กัญชง ยังเป็นยาเสพติดและมีบทลงโทษรุนแรง” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่าล่าสุดสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และสถานเอกอัครราชทูต ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามออกประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 2 แห่ง เตือนคนไทยไม่ให้นำกัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าวเข้าทั้ง 2 ประเทศ หากฝ่าฝืนมีโทษหนักทั้งปรับ จำคุก โดยโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต 

“รัฐบาลสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง ทางการแพทย์และเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ไม่สนับสนุนการใช้เพื่อสันทนาการ สูบ หรือเสพ ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศควบคุมไม่ให้มีการสูบ ส่งกลิ่นสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้อื่น ตลอดจนประกาศให้กัญชา กัญชง เป็นสมุนไพรควบคุม ห้ามจำหน่ายแก่เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ หรือสตรีที่กำลังให้นมบุตร ขณะที่หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกคำแนะนำ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้พืชกัญชา กัญชง ที่เหมาะสมโดยต่อเนื่อง” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.