ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นกว่า 200 จุด ยาต้านวัคซีนคืบหน้า – ดัชนีผู้บริโภคเพิ่ม ขึ้นดีกว่าคาด

  • นักลงทุนมีความหวังรัสเซีย-สหรัฐ เปิดเผยความคืบหน้าวัคซีนต้านโควิด-19
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติปรับเพิ่มขึ้น รับดัชนีผู้บริโภคที่ดีขึ้น
  • นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังร่วงติดกันใน 2 วันที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 21.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 27,907.08 จุด เพิ่มขึ้น 220.17 จุด +0.80% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,948.03 จุด เพิ่มขึ้น 165.20 จุด หรือ +1.53% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,370.20 จุด เพิ่มขึ้น 36.51 จุด หรือ +1.10%

หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้น รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ โดยหุ้นกลุ่มสายการบิน และกลุ่มเรือสำราญ รวมทั้งมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอีกครั้ง หลังถูกเทขายติดต่อกัน 2 วัน โดยความคืบหน้าของการแข่งขันกันผลิตวัคซีนทั้งของสหรัฐ และรัสเซีย ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น

วานนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศว่า รัสเซียเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 “วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพมาก โดยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันอย่างมีเสถียรภาพ และวัคซีนนี้ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว โดยบุตรสาวคนหนึ่งของเขาได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าวแล้ว ในฐานะอาสาสมัคร”

วัคซีนดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดยสถาบันกามาเลยาของรัสเซีย โดยหลายประเทศได้แสดงความจำนงที่จะซื้อวัคซีนจำนวนรวม 1 พันล้านโดส โดยจะมีการผลิตในบราซิล ส่วนการทดลองทางคลินิกจะมีการดำเนินการในฟิลิปปินส์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นายมิคาอิล มูราชโก รัฐมนตรีสาธารณสุขรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะเริ่มการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ภายในเวลา 2 สัปดาห์ โดยในระยะแรกจะเน้นการผลิตเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ ก่อนที่จะผลิตตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ขณะเดียวกัน เขายืนนันว่า ข่าวที่ว่า หลายประเทศไม่มั่นใจต่อประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโควิดของรัสเซียนั้น ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด

ทางด้านรัฐบาลสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ เพื่อซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดส วงเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยโมเดอร์นาเปิดเผยว่า วัคซีน mRNA-1273 เป็นหนึ่งในวัคซีนต้านโควิดเพียงไม่กี่ตัวที่เข้าสู่การทดลองขั้นสุดท้ายแล้ว และการทดลองดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.

นอกจากนั้น หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ทำข้อตกลงกับหลายบริษัทเพื่อซื้อวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวนหลายร้อยล้านโดส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Operation Warp Speed ที่มีเป้าหมายเพื่อให้สหรัฐมีวัคซีนใช้ภายในสิ้นปีนี้

ขณะเดียวกัน การผ่อนคลายล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% เช่นกันในเดือนมิ.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนก.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย.ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตามความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ 1 ล้านล้านดออลาร์สหรัฐ ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนด โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้