ดาวโจนส์ เคลื่อนไหวติดลบนักลงทุนรอผลมาตรการเศรษฐกิจ รอบใหม่

  • ตลาดหุ้นไม่ตอยรับแม้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดไว้
  • จับตาความขัดแย้งจีน-สหรัฐ รอบใหม่หลัง “ทรัมป์” สั่งแบน “ByteDance” แม่ “TikTok”
  • นักลงทุนติดตามมการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลอตใหม่ที่ล่าช้ามาตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.

เมื่อเวลา 21.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวในแดนลบ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 27,292.07 จุด ลดลง 94.91 จุด หรือ -0.35% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,091.21 จุด ลดลง 16.86 จุด หรือ -0.15% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,342.39 จุด ลดลง 6.77 จุด หรือ -0.20%


นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่ยังคงล่าช้า โดยถึงแม้ว่า นายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน คาดหวังว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไม่ช้า โดยระบุว่าทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างก็มีความต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ยังไม่สามารถกำหนดเวลาที่ชัดเจน


ขณะเดียวกัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทะลุ 5 ล้านคนในสหรัฐ และยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ตลาดกังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป แม้จะมีการคลายล๊อกดาวน์เพิ่มขึ้น


อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดไว้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.763 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.48 ล้านตำแหน่งแต่ตัวเลขการจ้างงานยังต่ำกว่าเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 10.2% จากระดับ 11.1% ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.6%


นักลงทุนยังไม่มั่นในความขัดแย้งระหว่างจีน และสหรัฐ ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายเพื่อลดความเสี่ยง หลังจากที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้า โดยประธานาธิบดี “ทรัมป์” ลได้งนามสั่งแบน “ByteDance” บริษัทแม่ “TikTok” แล้ว มีผลใน 45 วัน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีห้ามไม่ให้บุคคลหรือบริษัทอเมริกันทำธุรกรรมใดๆ กับบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่และเจ้าของ ติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชันแชร์คลิปวิดีโอชื่อดังสัญชาติจีน โดยให้มีผลบังคับใช้ในอีก 45 วัน