ดาวโจนส์ไหลลงกว่า 170 จุด มีแรงเทขายหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด

.นักลงทุนขายหุ้นทำกำไร หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด-รอลุ้นผลประกอบการบริษัทขนาดใหญ่

.ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันนี้ มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ตามไปติดๆ

.ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สวนทางนักวิเคราะห์มองจะเพิ่มขึ้น

เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,916.03
จุด ลดลง 176.93 จุด หรือ -0.52% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,085.16 จุด เพิ่มขึ้นแรง 268.84 จุด หรือ +2.28% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,151.91 จุด เพิ่มขึ้น 32.70 จุด หรือ +0.79%


มีแรงขายทำกำไร หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด ขณะที่ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 183,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 200,000 ราย


ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 11,000 ราย สู่ระดับ 1.65 ล้านราย


ทั้งนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันนี้ มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันนี้ ตามการคาดการณ์ของตลาด และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.5%


นอกจากนี้ ECB ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และระบุอย่างชัดเจนว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทแอปเปิ้ล, อัลฟาเบท, แอมะซอน, ฟอร์ด มอเตอร์ และสตาร์บัคส์ในวันนี้ หลังบริษัทเมตา แพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก หลังเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2565 ที่ดีกว่าคาด ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และทำให้ดัชนีแนสแด็กปรับขึ้นสวนทางดาวโจนส์ที่ปรับตัวลดลง