ดาวโจนส์ไปต่อไม่ไหว ลดลงกว่า 50 จุด กังวลเศรษฐกิจถดถอย

.มีแรงขายหุ้นลดความเสี่ยง หลังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
.ตลาดจับตาภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ หลัง BoE ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยนาน 5 ไตรมาส
.นักลงทุนรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ หาทิศทางการฟื้นตัวเศรษฐกิจ

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,758.56 จุด ลดลง 53.94 จุด หรือ-0.16% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,663.82 จุด ลดลง 4.34 จุด หรือ -0.03% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,153.05 จุด ลดลง 2.12 จุดหรือ -0.05%


กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 260,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2564 ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่า 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ


นักลงทุนพากันขายหุ้นลดความเสี่ยงก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐกังวลภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ หลังจากเศรษฐกิจขยายตัวติดลบต่อเนื่อง ในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2


ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติ 8-1 ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 1.75% ในการประชุมวันนี้ โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 27 ปีของ BoE หรือนับตั้งแต่ปี 2538 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ พร้อมกับเตือนว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566


BoE ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยนานถึง 5 ไตรมาส ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจโลกเผชิญวิกฤตการเงิน โดยรายได้ในภาคครัวเรือนของอังกฤษจะทรุดตัวลงอย่างหนักในปี 2565-2566 ขณะที่การบริโภคเริ่มหดตัว


ด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุด WTI ร่วงหลุดระดับ 90 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ใกล้หลุด 95 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน