- นักลงทุนมีความหวังรัสเซียจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
- หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัคซีน -หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจพุ่ง
- นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กดแนสแด็กร่วงเป็นวันที่ 2
เมื่อเวลา 21.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 28,061.19 จุด เพิ่มขึ้น 269.75 จุด หรือ +0.97%ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,861.16 จุด ลดลง 107.20 จุด หรือ -0.98% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,362.56 จุด เพิ่มขึ้น 2.09 จุด หรือ +0.06%
รัสเซียเป็นประเทศแรกของโลก ประกาศจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตาม วัคซีนต้านโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วดังกล่าวยังไม่ได้รับการยอมรับจากองค์กรอาหารและยาโลก โดยวัคซีนดังกล่าวได้เสร็จสิ้นการทดลองทางคลินิกในเวลาไม่ถึง 2 เดือน และจะมีการเริ่มทดลองในเฟส 3 ในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวก็ได้จุดประกายความหวังให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับการแข่งขันกันผลิตวัคซีนดังกล่าว ซึ่งหากประสบความสำเร็จจะช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งกำลังส่งผลให้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 20 ล้านราย
สำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศว่า รัสเซียเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 “วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพมาก โดยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันอย่างมีเสถียรภาพ และวัคซีนนี้ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว โดยบุตรสาวคนหนึ่งของเขาได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าวแล้ว โดยได้เข้าเป็นอาสาสมัครคนหนึ่งในโครงการทดลองวัคซีน” ปธน.ปูตินกล่าว
หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้น รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ โดยหุ้นกลุ่มสายการบิน กลุ่มเรือสำราญ และกลุ่มกาสิโนต่างก็ดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ทำให้ดัชนีแนสแด็ก อยู่ในแดนลบเป็นวันที่ 2
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตามความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนด โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้
นายมนูชินกล่าวว่า ยังคงมีโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกฎหมายดังกล่าวจะสามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส
ขณะที่ตัวเลขเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐ ที่ประกาศวันนี้ออกมาดีกว่าคาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดีดตัว 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI จะปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค.
