ดาวโจนส์แกว่งตัวผันผวน กังวลโควิดรอบ2-กระตุ้นเศรษฐกิจล่าช้า

.นักลงทุนกังวลโควิดพุ่งไม่หยุด-อังกฤษจ่อล็อกดาวน์รอบ 2
.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ยังคงขัดแย้ง-ล่าช้า
.ตลาดจับตประธานเฟด-รมว.คลังชี้แจงภาวะเศรษกิจต่อสภา

เมื่อเวลาประมาณ 21.05 น.ตามเวลาประเทศไทย ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวผันผวน ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 27,114.34 จุด ลดลง 33.36 จุด หรือ -0.12% อย่างไรก็ตาม แรงซื้อหุ้นเทคโนโลยีที่กลับมาอีกครั้ง ส่งให้ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,803.15 จุด เพิ่มขึ้น 24.35 จุด หรือ +0.23% และดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 3,289.97 จุด เพิ่มขึ้น 8.91 จุด หรือ +0.27%

นักลงทุนยังคงกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งทำให้หลายประเทศในยุโรปตัดสินใจล็อกดาวน์อีกครั้ง หลังจากที่ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อกว่า 31.5 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 9.7 แสนคน ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงติดอันดับ 1 โดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 7.05 ล้านคน

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวต่อรัฐสภาอังกฤษในวันนี้ว่า อังกฤษกำลังถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ซึ่งเขาจะต้องดำเนินการในขณะนี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า ประชาชนควรทำงานจากที่บ้าน หากสามารถทำได้

นอกจากนี้ นายจอห์นสันยังเตือนว่า มาตรการใหม่ที่มีการบังคับใช้ เช่น การสั่งให้ผับและร้านอาหารจะต้องปิดร้านให้เร็วขึ้นโดยเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้ และประชาชนห้ามรวมกลุ่มกันมากกว่า 6 คน จะมีการบังคับใช้เป็นเวลา 6 เดือน หากไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆในด้านการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19

ด้านนายแพทริก แวลแลนซ์ ที่ปรึกษารัฐบาลอังกฤษ กล่าวว่า ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในอังกฤษเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุก 7 วัน ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็จะทำให้อังกฤษมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 50,000 รายต่อวันภายในกลางเดือนหน้า และจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 รายต่อวัน


ขณะนี้ อังกฤษมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมเกือบ 4 แสนราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 4 หมื่นราย

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะกล่าวชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้เกี่ยวกับการดำเนินการของเฟดและรัฐบาลสหรัฐในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ ตลาดยังมีความวิตกต่อความขัดแย้งระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ทำให้ล่าช้ากว่า 2 เดือนแล้ว และการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่าจะไม่อนุมัติการขายกิจการของติ๊กต็อก (TikTok) ให้แก่ออราเคิล คอร์ป และวอลมาร์ท อิงค์ หากไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต็อกยังคงถือหุ้นส่วนใหญ่