ดาวโจนส์เดินหน้่าบวกต่อกว่า 130 จุด มองผลประกอบการดี-เศรษฐกิจฟื้นตัว

.นักลงทุนยังคงซื้อฟุ้นต่อเนื่อง หลังตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นสัปดาห์
.ผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ช่วยหนุนตลาด
.ดอกเบี้ยพุ่ง ยอดขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 6.3% ในสัปดาห์ที่แล้ว

เมื่อเวลาประมาณ 22.05 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,589.66 จุดเพิ่มขึ้น
132.35 จุด หรือ +0.37% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,134.05 จุด เพิ่มขึ้น 4.96 จุด หรือ +0.03%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,534.79 จุด เพิ่มขึ้น 15.16 จุด หรือ 0.34%

ตลาดหุ้นยังได้ปัจจัยบวกจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง ซึ่งแสดงการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีจำนวนลดลง

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีการขยายตัวของกำไรในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นถึง 30% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวของกำไรรายไตรมาสสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของบริษัทในดัชนี S&P 500 นับตั้งแต่ปี 2553

นายทอม ลี นักวิเคราะห์จากบริษัทฟันด์สแตรทส์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงสามารถพุ่งขึ้นอีก 6% จนถึงสิ้นปีนี้ แม้ว่าขณะนี้ราคาหุ้นได้ดีดตัวขึ้นมากแล้ว โดยได้ปรับเพิ่มตัวเลขเป้าหมายดัชนี S&P 500 สู่ระดับ 4,800 ในปีนี้ โดยระบุถึงการพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่านักลงทุนมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

นอกจากนั้น ข้อมูลจาก “Stock Trader’s Almanac” ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักฟื้นตัวขึ้นในเดือนต.ค. และปรับตัวขึ้นจนถึงสิ้นปี โดยเดือนต.ค.ถือเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงขาขึ้นตามฤดูกาลของราคาหุ้น ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้นเฉลี่ย 0.8% ในเดือนต.ค. ก่อนที่จะพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ย. และ 1.5% ในเดือนธ.ค.

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 6.3% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ปรับตัวขึ้น

ขณะที่ จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 7% ในสัปดาห์ที่แล้ว และดิ่งลง 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 5% ในสัปดาห์ที่แล้ว และร่วงลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว