ดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนบวกเล็กน้อย 8 จุด จับตาถอดถอนทรัมป์ -ดอกเบี้ยพันธบัตรพุ่ง

.ตลาดหุ้นหวั่นเมืองป่วนหลังมีกำหนดการลงมติญัตติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ในวันนี้
.นักลงทุนกังวลอัตราผลคอบแทนพันธบัตรพุ่ง กระทบฐานะการเงินบริษัท
.จับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2563 ที่กำลังจะทยอยประกาศออกมา

ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์แกว่งตัวในแดนบวกและลบ โดย เมื่อเวลา 21.45 น. ตามเวลาประเทศไทย เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,077.62 จุด เพิ่มขึ้น 8.93 จุด หรือ +0.03% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,083.81 จุด เพิ่มขึ้น
+11.38 จุด หรือ +0.09% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,801.16 จุด ลดลง 0.03 จุด หรือ -0.00%

นายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวเตือนว่า ตลาดหุ้นและพันธบัตรของสหรัฐอาจปรับฐานอย่างรุนแรงในไม่ช้า เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มชะลอการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีได้พุ่งขึ้นทะลุ 1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ทั่วโลกปรับตัวขึ้นเช่นกัน ทำให้บริษัทต่างๆต้องใช้เงินในการชำระหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อสถานะทางการเงิน และราคาหุ้นของบริษัท นอกจากนี้ การที่เฟดจะเริ่มชะลอการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางการลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จะทำให้เฟดลดการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรงดังที่เห็นได้จากในปี 2556

นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2563 ของบริษัทจดทะเบียน โดยเจพีมอร์แกน ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการในวันศุกร์นี้ รวมทั้งติดตามสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังมีโอกาสเกิดความรุนแรง โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะลงมติต่อญัตติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันนี้ ในข้อหาที่กล่าวหาว่า เขาได้ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี

อย่างไรก็ตาม คาดว่า แม้ญัตติดังกล่าวจะผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนฯ แต่ก็อาจถูกคว่ำในวุฒิสภา เนื่องจากขาดเสียงสนับสนุนที่เพียงพอ

ด้านภาพรวมเศรษฐกิจ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.4% หลังจากปรับตัวขึ้น 1.2% ในเดือนพ.ย.โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานและเป็นระดับใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้