ดาวโจนส์เคลื่อนไหวบวกกว่า 300 จุด รับข่าววัคซีน – มาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจ

  • ความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด-19 หนุนตลาดหุ้นสหรัฐ
  • นักลงทุนจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯก็อก 2 หลังอียูตั้งกองทุนฟื้นฟูสำเร็จ
  • บริษัทชั้นนำทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 หลายบริษัทดีกว่าคาด

เมื่อเวลา 21.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 26,982.17 จุด เพิ่มขึ้น 301.30 จุด หรือ +1.13% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,758.72 จุด ลดลงเล็กน้อย 8.37 จุด -0.08% หลังปิดทำลายสถิติสูงสุดในวันก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,272.49 จุดเพิ่มขึ้น 20.65 จุด หรือ +0.64%

ความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทชั้นนำของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ไมโครซอฟท์, เทสลา, อินเทล และเวริซอน คอมมิวนิเคชันส์

ทั้งนี้ บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) เปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีรายได้อยู่ที่ระดับ 1.812 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.772 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีกำไรอยู่ที่ระดับ 2.18 ดอลลาร์/หุ้น มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.07 ดอลลาร์/หุ้น

ตลาดยังได้แรงหนุนจากฝั่งยุโรป โดยสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโรในวันนี้ ซึ่งเป็นข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ EU ให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังวันาการประชุมยืดเยื้อนาน 4 วัน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ เนื่องจากโครงการช่วยเหลือคนว่างงานจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้

ทั้งนี้ ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และสมาชิกสภาจากพรรคเดโมแครต เได้มีการหารือกันในวันนี้เพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ขณะที่สมาชิกสภาจากพรรครีพับลิกันกำลังพิจารณาร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบโควิด-19 มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยว่า พรรครีพับลิกันมีแผนจะผลักดันร่างกฎหมายบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ภายในสัปดาห์นี้ และหวังว่าพรรคเดโมแครตจะพร้อมให้ความร่วมมือ

อย่างไรก็ดี ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเดินหน้าต่อไป โดยล่าสุด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนอีก 11 แห่งที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอื่นๆ ในซินเจียง

โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นมาตรการล่าสุดที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ใช้เพื่อกดดันจีน ท่ามกลางความขัดแย้งในประเด็นต่างๆ เช่น ปัญหาเรื่องการควบคุมโควิด-19 ของจีนและการใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง