ดาวโจนส์เคลื่อนไหวบวกกว่า 130 จุด มองเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด

.นักลงทุนคลายวิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าคาด หลังคาดการณ์เงินเฟ้อเริ่มชะลอ
.ตลาดจับตาผลการประชุมเฟดในคืนนี้ โดยมองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75%
.ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ที่ออกมาดีช่วยหนุนดัชนีตลาด

เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,894.85 จุด เพิ่มขึ้น
133.31 จุด หรือ +0.42% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,842.30 จุด เพิ่มขึ้น 279.72 จุด หรือ +2.42%ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,973.29 จุด เพิ่มขึ้น 52.24 จุด หรือ +1.33%

นักลงทุนจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนนี้ โดยมองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% หลังมีการเปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่าผู้บริโภคได้ลดคาดการณ์เงินเฟ้อ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.75% ในเดือนนี้ แทนที่จะปรับขึ้นอย่างรุนแรงถึง 1.00%

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 26.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. และให้น้ำหนัก 73.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% จากเดิมที่ให้น้ำหนักถึง 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% และให้น้ำหนัก 20% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

ราคาหุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันนี้ หลังบริษัทยืนยันว่าจะกลับมามีกระแสเงินสดเป็นบวกในปีนี้ แม้มีการเปิดเผยตัวเลขขาดทุนมากกว่าคาด และรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 ขณะที่นักลงทุนรอผลประกอบการของบริษัทฟอร์ด, ควอลคอมม์ อิงค์ และเมตา แพลตฟอร์มจะรายงานผลประกอบการหลังจากปิดตลาดวันนี้

ทั้งนี้ ขณะนี้บริษัทมากกว่า 150 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งราว 70% ในจำนวนดังกล่าวได้รายงานกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐในวันพรุ่งนี้ จะเห็นความชัดเจนของเศรษฐกิจสหรัฐฯมากขึ้นว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่
โดยผลการสำรวจของสำนักข่าวดาวโจนส์ระบุว่านักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1% ในไตรมาส 2

อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่คาดการณ์ในวันที่ 15 ก.ค.ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.5%