ดาวโจนส์ร่วง68จุด กังวลตัวเลขคนว่างงานพุ่ง

.ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสูงสุดตั้งแต่เดือน ส.ค.
.ไบเดนคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังปิดตลาด
.นักลงทุนเล่นหุ้นเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทที่ทยอยประกาศออกมา

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 14ม.ค.ที่ 30,991.52 จุด ลดลง 68.95 จุด หรือ -0.22% ดัชนีเอยแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,795.54 จุด ลดลง 14.30 จุด หรือ -0.38% ด้านดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,112.64 จุด ลดลง 16.31 จุด หรือ -0.12%

ตลาดแรงงานที่กลับมาอ่อนแอ หลังหลายรัฐมีการล็อกดาวน์รอบ2 เพื่อคุมการระบาดของโควิด-19 กดดันดัชนีหุ้นสหรัฐให้ลดลง

โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 965,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ส.ค.2563 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 795,000 ราย

นักลงทุนรอดูการแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายไบเดนตลอดทั้งวัน โดยหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการได้ไม่นาน นายไบเดนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า “American Rescue Plan” ซึ่งมีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ มาตรการ American Rescue Plan ครอบคลุมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากระดับ 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมงในปัจจุบัน สู่ระดับ 15 ดอลลาร์ และเพิ่มวงเงินในการส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ได้คนละ 600 ดอลลาร์ โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติในสภาผู้แทนราษฎร

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 0.95% โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.38% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.51% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.53% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ลดลง 1.21% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.36%

ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.01% หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.86% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.42% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 1.19%

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) พุ่งขึ้น 1.73% หลังจาก J&J เปิดเผยผลการทดลองระบุว่า วัคซีนของทางบริษัทสามารถให้การป้องกันไวรัสโควิด-19 ด้วยการฉีดเพียงโดสเดียว

อย่างไรก็ตาม หุ้นแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 4.94% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรพุ่งขึ้นสู่ระดับ 10.18 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4/2563 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.14 ดอลลาร์/หุ้น