ดาวโจนส์ร่วงแรง 650จุด กังวลโควิดรอบ3ทุบเศรฐกิจ

  • ตัวเลขคนติดเชื้อในสหรัฐพุ่งวันละกว่า8.3หมื่นคนทำลายสถิติเดิม
  • นักลงทุนหวั่นกระทบเศรฐกิจมากขึ้น หลังเห็นยุโรปกลับมาล็อกดาวน์
  • ตลาดจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ -เลือกตั้ง-ผลประกอบการ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 26 ต.ค.ที่ 27,685.38 จุด ร่วงลง 650.19 จุด หรือ -2.29% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,400.97 จุด ลดลง 64.42 จุด หรือ -1.86% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสปิดที่ 11,358.94 จุด ลดลง 189.34 จุด หรือ -1.64%

ตลาดตื่นตระหนกว่าจะเกิดการระบาดใหญ่รอบที่3 และมีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น หลังจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐ ขณะที่ยุโรปใช้มาตรการเข้มงวด รวมถึงปิดเมืองเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐซึ่งตกลงกันไม่ได้ ล่าช้ามาหลายเดือน เป็นอีกปัจจัยกดดันตลาด ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน

มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เปิดเผยว่า สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่กว่า 83,000 รายทั้งในวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในวันศุกร์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 83,700 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากกว่าเมื่อกลางเดือนก.ค. ซึ่งขณะนั้นพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 77,300 ราย

ขณะที่หลายประเทศในยุโรปซึ่งรวมถึงฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ประกาศใช้มาตรการคุมเข้มครั้งใหม่เพื่อสกัดโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วทวีป โดยฝรั่งเศสประกาศเคอร์ฟิวในภูมิภาคส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยการห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 น. – 6.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ขณะที่อิตาลีจำกัดเวลาการเปิดบริการของร้านอาหารและผับบาร์ไปจนถึงวันที่ 24 พ.ย. และสเปนประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 15 วัน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

บรรยากาศการซื้อขายหุ้นยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะไม่สามารถออกกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. เนื่องจากมีหลายประเด็นสำคัญที่ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะวงเงินที่ไม่เท่ากัน รวมทั้งขายหุ้นลดความเสี่ยง ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง

หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดและการใช้มาตรการสกัดโควิด-19 โดยหุ้นหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 7.02% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน ร่วงลง 6.09% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 6.35% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ร่วงลง 3.95% ส่วนหุ้นในกลุ่มเรือสำราญนั้น หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ทรุดตัวลง 9.65% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 8.66% หุ้นนอร์วีเจียน ครุยส์ ไลน์ ร่วงลง 1.62%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 6.82% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.37% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.25% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 3.91% หุ้นอ็อคซิเดเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 5.59%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.9% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ดิ่งลง 3.28% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 3.2% หุ้น 3M ดิ่งลง 2.14%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงแอปเปิล อิงค์, แอมะซอนดอทคอม, อัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล และเฟซบุ๊ก อิงค์

ขณะเดียวกันตัวเลขเศรษฐกิจทีออกมา ยังไม่แสดงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 3.5% สู่ระดับ 959,000 ยูนิตในเดือนก.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ยอดขายเพิ่มขึ้น 2.8% สู่ระดับ 1.025 ล้านยูนิต