ดาวโจนส์ร่วงหนักกว่า 600 จุดตอบการโต้สงครามการค้าตึงเครียด-เฟดนิ่งลดดอกเบี้ย

  • จีนเปิดฉากโต้ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯรอบ 2
  • หุ้นธุรกิจลงทุนในจีน -กลุ่มรถยนต์ร่วงถ่วงดัชนีทรุด
  • ผิดหวัง “เจอโรม พาวเวลล์” ไม่ชัดเจนลดดอกเบี้ยต่อ

ตึงเครียด!สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ฉุดดัชนีหุ้นสหรัฐฯร่วงหนักอีกรอบ
โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดวันที่ 23 ส.ค. วันศุกร์สุดสัปดาห์ปิดร่วงแรง 623.34 จุด ปิดที่ระดับ 25,628.90 จุด หรือ -2.37%, ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสร่วงแรงเช่นกัน ปิดที่ 7,751.77 จุด ลดลง 239.62 จุด หรือ -3.00% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,847.11 จุด ร่วง 75.84 จุด หรือ -2.59%

ราคาหุ้นหุ้นกลุ่มรถยนต์ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และบริษัทที่ลงทุนในจีนสูงปรับตัวลงแรง โดยหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ส ร่วง 3.22% และ หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วง 2.88% ขณะที่หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 4.62% หุ้นอินเทล ลดลง 3.89% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 3.18% หุ้นเน็ตฟลิตซ์ ลบ 1.85% หุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 3.10% หุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 2.75% และ หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.36%

หลังสภาแห่งรัฐของจีนประกาศว่า จีนจะเรียกเก็บภาษี 5-10% จากสินค้านำเข้าของสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการเก็บภาษี 2 รอบ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค. รวมทั้งจะเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 25% และชิ้นส่วนรถยนต์ในอัตรา 5% ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ด้วย โดยการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการตอบโต้ทางการค้าที่มีึความรุนแรงของจีนต่อเนื่องจากการเปิดฉากปล่อยค่าเงินหยวนในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปธน.ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความตอบโต้จีนทันที โดยสั่งให้บริษัทสหรัฐรีบถอนตัวออกจากจีนโดยทันที เพื่อหาแหล่งผลิตใหม่ โดยให้กลับมาผลิตสินค้าในสหรัฐ

นอกจากนี้ ยังสั่งให้บริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์ทั้งหมดของสหรัฐ ซึ่งรวมถึง FedEx, UPS, อเมซอน และสำนักงานไปรษณีย์สหรัฐ ปฏิเสธการส่งยา Fentanyl ซึ่งยาบรรเทาอาการปวดชนิดรุนแรง จากประเทศจีน หรือจากประเทศอื่นๆ เข้าสู่สหรัฐฯ

นักลงทุนผิดหวัง ต่อสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยังไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง โดบสุนทรพจน์ที่นายพาวเวลล์ กล่าวในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง เมื่อคืนนี้ ยืนยันเพียงว่า เฟดจะดำเนินการเพื่อให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวต่อไป โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในจุดที่ยังไหว ขณะที่การทำสงครามการค้า และปัจจัยอื่นๆ เป็นความเสี่ยงที่ทำทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง และเฟดจะดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ