ดาวโจนส์ร่วงต่อ ปิดลบ 592 จุด ราคาน้ำมันร่วง หนักทำลายสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

  • น้ำมันดิบ WTI ที่ทรุดตัวลงติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขาย
  • ดิ่งลงวันเดียว92% สู่ระดับ 1.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
  • นักลงทุนกังวลโควิด-19ทำเศรษฐกิจทรุดกู่ไม่กลับ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 20เม.ย.ที่ 23,650.44 จุด ลดลงอีก 592.05 จุด หรือ -2.44% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,823.16 จุด ลดลง 51.40 จุด หรือ -1.79% ด้านดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 8,560.73 จุด ลดลง 89.41 จุด หรือ -1.03%

ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงตั้งแต่เปิดตลาด โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทรุดตัวลงแตะระดับติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายสัญญาน้ำมันในตลาด NYMEX

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลอุปสงค์ที่ลดลงต่อเนื่อง จากผลกระทบที่รัฐบาลทั่วโลกยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันยังคงทรุดตัวลงอีก แม้หลายประเทศจะมีแนวทางในการเปิดเมืองในเวลาอันใกล้นี้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่คลังน้ำมันของสหรัฐกำลังกักเก็บน้ำมันใกล้เต็มความจุ ท่ามกลางภาวะน้ำมันล้นตลาด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ดิ่งลง 16.76 ดอลลาร์ หรือ 92% สู่ระดับ 1.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดภายในวันเดียว นับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายสัญญาน้ำมันในปี 2526

สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานระบุว่า วิกฤตการณ์จากแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบทำให้อุปสงค์น้ำมันลดลง 29 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปี ขณะที่ประเทศต่างๆพากันออกมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 4.16% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 4.7% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ลดลง 0.38% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 7.63%

หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น ร่วงลง 2.37% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ดิ่งลง 3.5% หุ้นเฟิร์สท์เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.7% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 3.8% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด เอดิสัน อิงค์ ร่วงลง 4.57%

อย่างไรก็ตาม คงามคืบหน้าในการหายารักษาโควิด-19.สางผลให้หุ้นโนวาร์ตีส พุ่งขึ้น 1.98% หลังจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติให้บริษัทโนวาร์ตีส ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาของสวิตเซอร์แลนด์ ทำการทดสอบว่า hydroxychloroquine ซึ่งเป็นยาต้านมาลาเรีย สามารถรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้หรือไม่

โดยโนวาร์ตีสมีแผนที่จะเริ่มใช้ยาดังกล่าวกับผู้ป่วยจำนวน 440 รายสำหรับการทดสอบในระยะที่ 3 ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าในสถานที่หลายแห่งในสหรัฐ และจะมีการรายงานผลการทดสอบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแสดงความเปราะบางโดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ซึ่งเป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจำนวน 85 รายการ ลดลงสู่ระดับ -4.19 ในเดือนมี.ค. หลังจากแตะระดับ +0.06 ในเดือนก.พ. บ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้