ดาวโจนส์ร่วงกว่า 580 จุด กังวลตึงเครียดยูเครน-จับตาเฟดประชุม

.มีแรงเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีทรุด ผลตอบแทนพันธบัตรพุ่ง
.นักลงทุนกังวลความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ชาติตะวันตก-ยูเครน
.ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 25-26 ม.ค.รอทิศทางดอกเบี้ยขึ้น

เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ33,778.06 จุด ลดลง 586.44 จุด หรือ -1.71% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,307.06 จุด ลดลง 103.07 จุด หรือ -2.34% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ระดับ 13,517.13 จุด ลดลง 338.00 จุด หรือ -2.44%

ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้นเกือบ 10% สู่ระดับ 32.83 ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยถูกกดดันจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

นักลงทุน กังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกเกี่ยวกับยูเครน รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่คาดไว้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียมีความกังวลเป็นอย่างยิ่ง หลังมีข่าวว่า สหรัฐได้เตรียมกำลังทหาร 8,500 นายพร้อมเคลื่อนพลไปยังยุโรป หากวิกฤตการณ์ยูเครนเลวร้ายลง

คำกล่าวของนายเพสคอฟ ตอกย้ำถ้อยแถลงของเขาวานนี้ที่ว่า สหรัฐและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กำลังเพิ่มความตึงเครียดต่อสถานการณ์ในยูเครน

ทางด้านนายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าวว่า นาโตได้เสริมกำลังทหารทั้งทางบก ทะเล และทางอากาศตามพรมแดนฝั่งตะวันออก เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่รัสเซียอาจทำการโจมตียูเครนในไม่ช้า

ทั้งนี้ รัสเซียกำลังตรึงกำลังทหารเกือบ 100,000 นายประชิดชายแดนยูเครน และอาจบุกโจมตียูเครนในไม่ช้า ขณะที่การเจรจาระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกเพื่อแก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับยูเครนยังคงไม่มีความคืบหน้า

ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 25-26 ม.ค. โดยเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด, นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก, นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย และนางแมรี ดาลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) พร้อมกับคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ ทางด้านโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น จากปัจจุบันที่พุ่งสูงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์

บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรในไตรมาส 4/64 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้อานิสงส์จากยอดขายวัคซีนโควิด-19 ที่ระดับ 1.82 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 60,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ J&J คาดการณ์ว่า บริษัทจะมีรายได้จากการจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 ราว 3.0-3.5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ หรือราว 99,000-116,000 ล้านบาท

นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ไมโครซอฟท์, เทสลา และ แอปเปิล