ดาวโจนส์ร่วงกว่า 40 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยหลังการจ้างงานกลับมาแข็งแกร่ง

.การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 528,000 ตำแหน่ง สูงกว่า 2 เท่าจากที่นักวิเคราะห์คาด
.นักลงทุนกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
.มีแรงขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง รอดูสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ

เมื่อเวลาประมาณ 22.05 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,684.73 จุด ลดลง
42.09 จุด หรือ -0.13% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,612.98 จุด ลดลง 107.60 จุด หรือ -0.85% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,131.18 จุด ลดลง 20.76 จุด หรือ -0.50%

หลังจากที่การเปิดเผยตัวเลขผู้ว่างงานออกมาไม่ดีวานนี้ วันนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยพุ่งขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 258,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%

ทั้งนี้ ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 471,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 57,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ดีดตัวขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 5.2% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด อยู่ที่ระดับ 62.1%

นักลงทุนกลับมาเพิ่มคาดการณ์เว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานพุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น และเป็นเรื่อที่เฟดยอมไม่ได้

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 31.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
และหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค.

ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวในแดนลบ โดยเฉพาะดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยสูง สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นทะลุระดับ 2.8% ในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานพุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย